สอบถามเพิ่มเติมที่ 0xx-xxx-xxxx

พู่ระหงส์

ชื่อสามัญ Fringed Hibiscus

ชื่อวิทยาศาสตร์ Hibiscus schizopetalus.

ตระกูล MALAVACEAE

ชื่ออื่น พู่เรือหงส์

ลักษณะทั่วไป

พู่ระหงส์เป็นพรรณไม้พุ่มขนาดกลางลำต้นมีความสูงประมาณ 4-10 เมตรผิวเปลือกลำต้นมีสีน้ำตาลอ่อนผิวเปลือกเป็นร่องแตก
สะเก็ดเล็กน้อยแตกกิ่งก้านสาขาออกไปรอบๆต้นกรีดดูเปลือกจะมียางเหนียวใสใบเป็นใบเดี่ยวแตกออกตามกิ่งก้านออกเรียง
สลับกัน ลักษณะในรูปมนรี ปลายใบแหลม ขอบใบคล้ายฟันเลื่อย ผิวใบเรียบสีเขียว ขนาดใบกว้างประมาณ 5-8 เซนติเมตร
ยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร ดอกเป็นดอกเดียว ออกตามยอดหรือปลายกิ่งดอกมีสีแดง สีชมพูสีขาวแล้วแต่ชนิดพันธุ์มีกลีบ
ดอก 5 กลีบเวลาบานกลีบจะโค้งงอตรงกลางดอกจะมีเกสรยื่นยาวออกมาประมาณ 5-8 เซติเมตรปลายหลอดเกสรมีลักษณะเป็น
เส้นเล็ก ๆ สีเหลือง ขนาดดอกบานเต็มที่ ประมาณ 8-12 เซนติเมตร

การเป็นมงคล

คนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดปลูกต้นพู่ระหงส์ไว้ประจำบ้านจะทำให้เป็นผู้มีน้ำใจและมีจิตใจที่สูง เพราะลักษณะของดองพู่ระ
หงห์เวลาบานจะบ่งบอกถึงกริยาที่หวานเย็น เบิกบานแสดงถึงความยินดีมีน้ำใจ ซึ่งเป็นลักษณะเด่นในตัวของดอกพู่ระหงส์เอง
นอกจากนี้ยังมีความเชื่ออีกว่าพู่ระหงส์เป็นของสูงที่มีค่าอย่างหนึ่งคือพู่เรือหงส์เป้ฯเครื่องประดับส่วนหัวของเรือหงส์ซึ่งใช้ในพิธี
สำคัญของพระมาหากษัตริย์ แสดงถึงความมีคุณค่าที่สูงส่ง

ตำแหน่งที่ปลูกและผู้ปลูก

เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัย ควรปลูกต้นพู่ระหงส์ ไว้ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ผู้ปลูกควรปลูกในวันพุธ เพราะโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้เอาประโยชน์ทั่วไปทางดอกให้ปลูกในวันพุธ

การปลูกมี 2 วิธี

1. การปลูกในกระถางเพื่อประดับภายในอาคารและภายนอกอาคาร ควรใช้กระถางทรงสูง ขนาด 12-18 นิ้ว ใช้ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก :
   ดินร่วน อัตรา 1: 1 : 1 ผสมดินปลูกควรเปลี่ยนกระถาง 1:2 ปี/ครั้งเพราะการขยายตัวของทรงพุ่มโตขึ้นและเพื่อเปลี่ยนดิน
   ปลูกใหม่ ทดแทนดินปลูกเดิมที่เสื่อมสภาพไป
2.การปลูกในแปลงปลูกเพื่อประดับบริเวณบ้านและสวนโบราณนิยมปลูกไว้เป็นแนวรั้วรอบบ้านหรือบริเวณสวนหน้าบ้าน
   ขนาดหลุมปลูก30 x 30 x30เซนติเมตรใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก:ดินร่วนอัตรา 1:2 ผสมดินปลูกวิธีนี้ผู้ปลูกสามารถตัดแต่ง
   ทรงพุ่มให้เหมาะสมตามความต้องการได้

การดูแลรักษา

แสง                         ต้องการแสงแดดจัด หรือกลางแจ้ง

น้ำ                            ต้องการปริมาณน้ำปานกลาง ควรให้น้ำ 5-7 วัน/ครั้ง

ดิน                          ชอบดินร่วนซุย มีความชุ่มชื้นสูง

ปุ๋ย                          ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 0.5-1 กิโลกรัม/ต้น ควรใส่ 1-2 ครั้ง/ เดือน

การขยายพันธ์         การปักชำ การตอนกิ่ง การติดตา วิธีที่นิยมและได้ผลดี คือ การปักชำ การตอน

โรค                           ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องโรค เพราะเป็นไม้ที่ทนทานต่อโรคพอสมควร

แมลง                        เพลี้ยต่าง ๆ

อาการ                 
ถูกดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้ใบเป็นรูใบแคระแกร็น ใบเหลืองและแห้งเหี่ยว

การป้องกัน
               รักษาความสะอาดบริเวณแปลงปลูก

การกำจัด                  ใช้ยาเซวิน อัตราและคำแนะนำระบุไว้ตามฉลาก