maipradab.com
6/1 หมู่ 11 คลอง15 ศูนย์พันธ์ไม้ดอกไม้ประดับที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
ต.บางปลากด อ.องครักษ์ จ.นครนายก 26120
E-mail : webmaster@maipradab.com
Tel.(037)332039,(01)8469556
เมืองไทยของเรามีสภาพภูมิอากาศร้อนชื้น
มีแสงจัดตลอดปี บ้านที่มีผนังภายนอกหลายด้านที่แสงแดดส่องกระทบโดยตรง นอกเหนือจากอุณหภูมิอากาศโดยรอบบ้านจะสูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาบ่าย
ยังทำให้ความร้อนผ่านเข้าภายในบ้านมาก เมื่อร้อนมากก็คงหนีการใช้เครื่องปรับอากาศไม่พ้น
แต่มีวิธีที่ไม่ยากในการลดปริมาณความร้อนโดยรอบก่อนเข้าสู่บ้านพักอาศัย โดยปรับปรุงสภาพแวดล้อมรอบที่ตั้งบ้าน
เช่นการปลูกต้นไม้ ซึ่งไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากนัก เพียงแต่มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับสภาพภูมิอาศของบ้านเราและประเภทของต้นไม้เท่านั้น
ก็จะช่วยให้พักอาศัยอยู่ในบ้านได้อย่างสุขกายสบายใจ และยังสามารถลดค่าไฟฟ้าที่จะต้องสูญเสียไปกับการใช้เครื่องปรับอากาศด้วย
ต้นไม้ช่วยลดความร้อนเข้าสู่บ้าน
การดำรงชีวิตของต้นไม้นั้น
ต้นไม้จะดูดเอาน้ำจากใต้ดินขึ้นมาทางรากและจะคายออกทางใบ ทำให้อุณหภูมิรอบๆ เย็นลง
จึงช่วยลดความร้อนให้กับสภาพแวดล้อมเป็นผลให้อุณหภูมิโดยรอบอาคารเย็นลงดังนั้นยิ่งมีต้นไม้ใหญ่มาก
ก็จะยิ่งลดความร้อนได้มาก เช่นเราจะรู้สึกเย็นเมื่ออยู่ในป่ามากกว่าเมื่ออยู่ในที่โล่ง
นอกจากนั้นใบของต้นไม้ยังช่วยกรองแสงแดด เป็นการให้ร่มเงา แก่อาคารและพื้นที่โดยรอบ
ทำให้ลดการสะสมของความร้อนในผนังหรือหลังคาอาคารและพื้นโดยรอบ โอกาสที่ความร้อนจะถ่ายเทผ่านเข้าสู่ภายในตัวบ้านก็ลดลง
ก่อนอื่นเจ้าของบ้านคงจะต้องสำรวจรอบๆ บ้านเสียก่อนว่าตำแหน่งหรือทิศทางใดของบ้านพอที่จะปลูกต้นไม้ใหญ่
หรือไม้ยืนต้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากสามารถปลูกต้นไม้ใหญ่ทางทิศใต้เรื่อยไปจนถึงทิศตะวันตก
ก็จะช่วยบังแสงแดดที่ส่องกระทบผนังบ้านหรือที่ส่องผ่านหน้าต่าง เข้าไปในพื้นที่ใช้สอย
ช่วยป้องกันความร้อนเข้าสู่ตัวบ้านได้เป็นอย่างดีตลอดทั้งวัน และยังลดความรุนแรงของอุณหภูมิ
ในเวลากลางวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้เนื่องจากบ้านเราใน 1 ปี นั้น ดวงอาทิตย์จะเคลื่อนที่อ้อมทางทิศใต้เป็นเวลานานถึง
9 เดือน หากในบริเวณบ้านมีต้นไม้เดิมขนาดใหญ่อยู่แล้ว ก็อาจเลือกต้นไม่ขนาดเล็กหรือไม้คลุมดินและแม้แต่พืชสนามหญ้าปลูกแทรก
ทั้งนี้ เพื่อช่วยลดความร้อนสะสมและการสะท้อนแสงของพื้นที่โดยรอบ หากเปรียบเทียบกับพื้นถนนคอนกรีตกลางแดดร้อนจัด
จนไม่สามารถเดินเท้าเปล่าได้ และต้องหรี่ตาเวลามอง ก็จะเห็นประโยชน์ของไม้คลุมดินหรือสนามหญ้าอย่างชัดเจน
การเลือกใช้พรรณไม้ต่างๆ
ด้วยความเข้าใจในคุณสมบัติของมัน จะทำให้ได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ เช่นต้นไม้ขนาดใหญ่ช่วยให้ร่มเงาแก่อากาคตและทางเดิน
ไม้เลื้อยให้ร่มเงาแก่บริเวณนั่งเล่น หรือแม้แต่ให้ร่วมเงาแก่ผนังอาคารบ้าน ถ้ามีการสร้างซุ้มเพื่อช่วยในการเลื้อย
เป็นต้น นอกจากนี้ การเลือกต้นไม้ที่จะปลูกมีความสำคัญ ควรเลือกจากขนาดความสูงและความกว้างของพุ่มใบ
ระยะห่างในการปลูก เพื่อไม่ให้รากหรือลำต้นเบียดอาคารจนเสียหาย พรรณไม้ที่เลือกใช้ควรมีความแข็งแรง
ทนทานต่อแรงลมปะทะ ทนทานต่อสภาพแวดล้อม โรค และศัตรูพืช และจะดียิ่งขึ้นหากเป็นพรรณไม้ไม่ผลัดใบเพื่อให้ได้ร่มเงาตลอดทั้งปี
และควรศึกษาลักษณะนิสัยของพืชพรรณและการดูแลรักษาก่อนเลือกมาปลูก
ประเภทของบ้านพักอาศัยก็มีส่วนสำคัญการเลือกชนิดของต้นไม้ที่ปลูก
สำหรับอาคารเดี่ยว สามารถปลูกไม้ยืนต้นสูงตั้งแต่ 4-10 เมตร เพื่อให้ร่มเงาแก่หลังคา
หรือใช้ไม้พุ่มขนาดสูงประมาณ 1-3 เมตร เพื่อให้ร่มเงาแก่ผนังบ้าน ต้นไม้คลุมดิน
และไม้พุ่มขนาดเล็กสูงประมาณ 0.30-0.90 เมตร ควรปลูกโดยทั่วไปรอบบริเวณบ้านเพื่อป้องกันความร้อนแก่ผิวดินใกล้ตัวบ้าน
และช่วยลดแสงสะท้อนเข้าบ้านด้วย นอกจากช่วยป้องกันความร้อนทำให้ดูสวยงามหรือบางต้นมีดอกให้กลิ่นหอมแล้ว
ต้นไม้ยังให้ประโยชน์อีกหลายประการ ได้แก่ ช่วยลดผุ่นละอองจากถนน ลดมลพิษต่างๆ
ลดแรงลมปะทะอาคาร ป้องกันการพังทลายของดินและบดบังทัศนียภาพที่ไม่สวยงามด้วย ดังนั้นการใช้เครื่องปรับอากาศก็อย่าลืมคิดถึงการปลูกต้นไม้บังแดดก่อนนะคะ
สำหรับบ้านแถวหรือทาวน์เฮาส์
เนื่องจากมีเนื้อที่ภายนอกอาคารค่อนข้างจำกัด ควรเลือกไม้ใหญ ่ที่รากต้นไม่ทำให้โครงสร้างของบ้านเสียหาย
เช่น ต้นสน ต้นทรงบาดาล เป็นต้น หรืออาจใช้ต้นไม้ที่ปลูกในกระถาง หรือทำซุ้มไม้เลื้อย
ในพื้นที่ว่างปลูกต้นไม้ได้ อาจใช้วิธีอื่นช่วยเช่นการทำกันสาด ชายคาให้กับหน้าต่าง
แต่ที่ไม่ควรทำคือ การปลูกต้นไม้บนหลังคาตึกแถว ห้องแถว เพราะจะทำให้อาคารพังลงมาได้
ส่วนคอนโดมีเนียมพักอาศัย ควรใช้ไม้กระถางแขวน หรือไม้พุ่มตั้งบังแดดบริเวณระเบียง
และช่องเปิดต่างๆ เพื่อป้องกันความร้อนที่จะเข้าสู่ตัวอาคารโดยตรง
=