เว็บบอร์ดไม้ประดับออนไลน์

ไม้ดอกไม้ประดับ => บอร์ด ภาวะโลกร้อน => ข้อความที่เริ่มโดย: plantlover ที่ มิถุนายน 29, 2010, 09:43:25 AM



หัวข้อ: การตลาดว่าด้วยโลกร้อน
เริ่มหัวข้อโดย: plantlover ที่ มิถุนายน 29, 2010, 09:43:25 AM
การตลาดว่าด้วยโลกร้อน


หัวข้อ: การตลาดว่าด้วยโลกร้อน
เริ่มหัวข้อโดย: plantlover ที่ มิถุนายน 29, 2010, 09:46:29 AM
"ใคร" ได้ประโยชน์จากโลกร้อน
way magazine ฉบับที่ 07 ปี 2007

บรรษัทอุตสาหกรรม
ตัวตั้งตัวตีที่ขวางไม่ให้ตัวแทนสหรัฐผูกมัดตัวเองเข้ากับข้อตกลงลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพราะจะกระทบต้นทุนมหาศาล
Exxon บอกให้นักเจรจาจากประเทศซีกโลกเหนือไม่ให้ความเห็นชอบกับการจำกัดการปล่อย ถ้าประเทศทางใต้ไม่ลดด้วย ทั้งที่เอ็กซอนมีผลประโยชน์ในการสนับสนุนให้ประเทศทางใต้ มีเชื้อเพลิงฟอสซิลใช้มากขึ้น
บริษัทญี่ปุ่นกลุ่มหนึ่งจะดำเนินโครงการปลูกป่าในจีน เพื่อเป็นโควตาในการปล่อยภายใต้พิธีสารเกียวโต ในขณะที่อังกฤษ สมาพันธ์อุตสาหกรรมพยายามที่จะเริ่มระบบค้าคาร์บอนเพื่อตัดหรือลดแผนการเก็บภาษีพลังงานของรัฐบาล

บริษัทพลังงาน
ขาใหญ่อีกรายที่ยืนยันผลาญพลังงานต่อไป โดยหวังไถ่บาปด้วยการปลูกป่าทดแทน
บริษัทอเมริกันที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้เซ็นต์สัญญามูลค่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐกับคอสตาริกา เพื่อจ้างชาวนาให้ปลูกต้นไม้ และดูแลเป็นเวลา 15-20 ปี อเมราดาแก๊สกำลังจะได้เครื่องหมายรับประกัน "Climate Care" จากการปลูกป่าที่ อูกันดา ซันคอร์อีเนอร์จี (บริษัทขุดเจาะ กลั่น และขายน้ำมันของแคนาดา) วางแผนที่จะร่วมกับเซาเธิร์นแปซิฟิก ปีโตรเลียม และเซนทรัลแปซิฟิก มิเนอรัลล์ ในโครงการปลูกต้นไม้พื้นเมืองมากกว่า 180,000 ต้นในรัฐควีนส์แลนด์ เพื่อ "ชดเชย" กับคาร์บอนไดออกไซด์ที่จะปล่อยในอนาคต

บริษัทผลิตไฟฟ้า
เจ้าแห่งโครงการรณรงค์ปลูกป่า เพราะเป็นวิธีที่ง่าย และราคาถูก แถมได้ภาพพจน์ดี คณะกรรมการผลิตไฟฟ้าของเนเธอร์แลนด์มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งในการดำเนินโครงการปลูกป่าไม้ซุงในรัฐซาบาห์ของมาเลเซีย และการปลูกป่าสนและยูคาลิปตัสในเทือกเขาแอนดีสของเอกวาดอร์
โตเกียวอีเลิกทริก พาวเวอร์ กำลังปลูกต้นไม้ในนิวเซาท์เวลส์ ดีทรอย์เอดิสันกำลังทำในอเมริกากลาง และซาส์กพาวเวอร์ของแคนาดากับแปซิฟิกพาวเวอร์ของออสเตรเลีย ก็กำลังทำอยู่ในประเทศของตัวเอง
แต่ทั้งหมดนี้ ห้ามถามเป็นอันขาดว่า คนเหล่านี้ไปได้ที่ดินในการปลูกป่ามาจากไหน พวกเขาทำลายป่าธรรมชาติก่อนสร้างสวนป่าหรือไม่ และมีผลกระทบอะไรบ้าง

นักวิจัย+นักวิชาการ
จากสถาบันอย่างมหาวิทยลัยเอดินเบิร์กห์ กับมหาวิทยาลัยฟลอริดา กำลังขะมักเขม้นอยู่กับการหาวิธีรับรองและตรวจสอบการดูดซับคาร์บอน
นักวิชาการไทยด้านเศรษฐศาสตร์สิ่งแวดล้อมท่านหนึ่งเคยกล่าวว่า "หากประเทศไทยรับโครงการ CDM แต่ละหน่วยงานจะต้องไปหาซื้อเซฟใหญ่มาเก็บเงินที่จะไหลมาเทมา"

บริษัทนายหน้าและธนาคาร
คาดหวังที่จะได้ค่าคอมมิชชั่นจากการเป็นนายหน้าตามตลาดคาร์บอนที่จะเปิดในชิคาโก ลอนดอนกับซิดนีย์ องค์กรอย่างสหพันธ์กักเก็บคาร์บอนนานาชาติและอเมริกันฟอเรสต์ก็กำลังวางแผนการตลาดค้าคาร์บอนเครดิต ธนาคารอย่างยูเนียนแบงก์ของสวิตเซอร์แลนด์ก็กำลังรอปล่อยสินเชื่อให้กับโครงการปลูกป่า

นักทำไม้อาชีพ
โครงการปลูกป่าหนีปัญหาโลกร้อนที่กลับมาบูมคราวนี้ เป็นหนทางยกระดับอาชีพที่อยู่ชายขอบและต่ำต้อยทางการเมืองของตนให้มีความสำคัญขึ้นมา
สมาคมป่าไม้ของอเมริกันก็เสนอทันทีว่า จะปลูกต้นไม้ 100 ล้านต้นเพื่อบรรเทาปัญหาที่นอร์เวย์ บริษัทป่าไม้ทรีฟาร์มส์ได้ประกาศโครงการปลูกสนโตเร็วและยูคาลิปตัสบนเนื้อที่ 150 ตารางกิโลเมตรของทุ่งหญ้าในแทนซาเนีย บริษัทอ้างว่า ภายในปี 2553 โครงการนี้จะเก็บคาร์บอนได้มากกว่า 1 ล้านตัน

นักวิจัยวิศวกรรมพันธุศาสตร์
ร่วงทึ้งส่วนแบ่งจากตลาดการปลูกป่ากับเขาด้วย เพราะโลกอยากได้ต้นไม้ดัดแปลงพันธุกรรมที่มีสารลิกนินสูงเพื่อต้นไม้จะได้อยู่นานขึ้น (แต่อาจต้องตบตีกับอุตสาหกรรมกระดาษที่อยากได้ไม้ดัดแปลงพันธุกรรมที่มีสารลิกนินต่ำ)

องค์กรโลกบาล
ธนาคารโลกหวังประโยชน์สองทางจากการสนับสนุนการพัฒนาเชื้อเพลิงฟอสซิลในประเทศกำลังพัฒนา แล้วก็คอย "เก็บกวาด" ทีหลังจากโครงการปลูกป่า แล้วก็ยังใช้เงินทุนสนับสนุนจากบริษัทไฟฟ้ากับรัฐบาลยุโรปเหนือเพื่อพัฒนา กองทุนคาร์บอนต้นแบบ (Clean Development Fund-CDF) ที่มีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับ "ตลาดก๊าซเรือนกระจกของโลก"
เอกสารภายในตรีตรา "ลับ" ของธนาคารโลก ระบุว่า ธฑนาคารโลกหวังที่จะกินหัวคิว 5% จากการซื้อขายคาร์บอนเครดิตระหว่างประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนา
อังก์ถัด หรือ การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา กำลังร่วมด้วยช่วยกันก่อตั้งสมาคมแลกเปลี่ยนการปล่อยนานาชาติขึ้น ซึ่งประกอบไปด้วยบรรษัทข้ามชาติ กับองค์กรสิ่งแวดล้อม 60 แห่งจะช่วยกันคิดว่า จะให้ตลาดมีกลไกอย่างไร

บริษัทรถยนต์
ในอังกฤษ ลูกค้าที่ซื้อรถมาสดารุ่นเดมิโอ จะได้โบนัสพิเศษ คือ บริษัทจะปลูกต้นไม้ 5 ต้น เพื่อ "ชดเชย" ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่รถจะปล่อยออกมาในปีแรก ดังนั้น ลูกค้ามีสตางค์ก็ไม่เพียงมีส่วนในการขุดเจาะ กลั่นน้ำมัน ทำเหมืองโลหะกับช่วยปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับการไล่รื้อที่ดิน เพื่อใช้ในการปลูกป่าที่พวกเขาอาจไม่เคยได้เห็นอีกด้วย
บริษัทเช่ารส เอวิส (AVIS) วางแผนที่จะปลูกต้นไม้ 1 ต้นสำหรับรถทุกๆ 1 คันที่ปล่อยเช่าได้ ขณะเดียวกัน สหพันธ์ยานยนต์นานาชาติได้เตรียมต้นไม้ 30,000 ต้นไว้ปลูกในเม็กซิโก บนผืนดินที่มีชนเผ่าพื้นเมืองอาศัยอยู่ เพื่อ "ชดเชย" คาร์บอน 5,500 ตัน ที่ปล่อยออกมาในแต่ละปีในการแข่งรถสูตรหนึ่ง ด้วยสนนราคา 61,000 เหรียญสหรัฐต่อปี
นี่คือความรับผิดชอบที่ "โรแมนติก" และ "ปลอม" เอามั่กๆ

ที่มา : suanboard.net/view.php?p=view&kid=37293&in=1


หัวข้อ: Re: การตลาดว่าด้วยโลกร้อน
เริ่มหัวข้อโดย: nutapol ที่ เมษายน 30, 2011, 06:17:05 PM
ใกล้จะได้เวลาน้ำท่วมพื้นที่ต่ำๆ บริเวณชายฝั่งแล้ว