หัวข้อ: ตะเบเตี้ย เริ่มหัวข้อโดย: plantlover ที่ ธันวาคม 28, 2010, 11:18:03 AM ตะเบเตี้ย
หัวข้อ: ตะเบเตี้ย เริ่มหัวข้อโดย: plantlover ที่ ธันวาคม 28, 2010, 11:20:27 AM คนส่วนใหญ่จะรู้จักและเคยพบเห็นต้นตะเบ เฉพาะชนิดที่มีต้นสูงใหญ่ มีดอกบานเฉพาะช่วงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ ต่อเนื่องไปจนถึงเดือนเมษายนของทุกปี เวลามีดอกแต่ละทีสีของดอกเป็นสีชมพูอ่อนๆ บานสะพรั่งทั้งต้นจะสวยงามมาก ซึ่งตะเบที่กล่าวนี้มี
ถิ่นกำเนิดจากอเมริกากลางและอเมริกาใต้ ประเทศไทยนำเข้ามาปลูกและขยายพันธุ์ขายนานกว่า 50-60 ปีแล้ว โดยเรียกชื่อเป็นภาษาไทยว่า "ชมพูพันธุ์ทิพย์" หรือ "ชมพูอินเดีย" และ "ธรรมบูชา" ได้รับความ นิยมปลูกกันแพร่หลาย เพราะตะเบสายพันธุ์นี้เป็นไม้ชอบดูดอากาศเสียจำพวกคาร์บอนไดออกไซด์ดีกว่า ไม้ยืนต้นชนิดอื่น สามารถฟอกอากาศให้ บริเวณใกล้เคียงบริสุทธิ์ขึ้น มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า TABEBUIA ROSEA (BERTOL.) DC. อยู่ในวงศ์ BIGNONIACEAE ชื่อสามัญได้แก่ PINK TRUMPET TREE ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด ส่วน ต้น "ตะเบเตี้ย" เป็นไม้ใหม่นำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย มีลักษณะแตกต่างจากตะเบที่กล่าวข้างต้น หรือ "ชมพูพันธุ์ทิพย์" คือ ต้นของ "ตะเบเตี้ย" สูงเต็มที่ไม่เกิน 3 เมตร แตกกิ่งก้านเป็นพุ่มแน่น เปลือกต้นเรียบ สีน้ำตาลเทา หรือน้ำตาลแดง ใบเป็นใบประกอบมีใบย่อย 3-5 ใบ เป็นรูปรีแกมขอบขนาน ปลายและโคนใบแหลม ก้านใบเป็นสีน้ำตาลแดง เนื้อใบค่อนข้างหนา ผิวใบเรียบเป็นสีเขียวสด เวลาแตกกิ่งก้านเยอะๆและมีใบดกจะเป็นพุ่มน่าชมยิ่ง ดอก ออกเป็นช่อที่ปลายยอด แต่ละช่อประกอบด้วยดอกย่อยจำนวนหลายดอก ลักษณะดอกโคนเชื่อมกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็นกลีบดอก 5 กลีบ กลีบดอกเป็นสีม่วงเข้ม ดอก เมื่อบานเต็มที่เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3 ซม. มีเกสรตัวผู้ 4 อัน ดอกมักร่วงง่ายตามสายพันธุ์ ของไม้ชนิดนี้ แต่ดอกของ "ตะเบเตี้ย" จะมีได้เรื่อยๆ เกือบทั้งปี ต่างจากดอกของตะเบชื่อ "ชมพูพันธุ์ทิพย์" ที่มีดอกเฉพาะช่วง ขยายพันธุ์ด้วยการตอนกิ่ง ปลูกได้ในดินทั่วไป เป็นไม้ชอบแดดจัด ทนแล้งได้ดี เหมาะจะปลูกเป็นไม้ ประดับทรงพุ่มในบริเวณบ้าน สำนักงาน สวนสาธารณะทั่วไป หลังปลูกดูแลรดน้ำบำรุงปุ๋ยอย่างสม่ำเสมอในตอนแรก เมื่อต้น "ตะเบเตี้ย" ตั้งตัวได้ สามารถปล่อยให้เทวดาเลี้ยงเองได้ ที่มาข้อมูล:คอลัมน์นายเกษตร นสพ ไทยรัฐ |