เว็บบอร์ดไม้ประดับออนไลน์
ตุลาคม 21, 2014, 06:46:14 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดไม้ประดับออนไลน์อยู่ระหว่างการทดลองใช้งานถ้ามีปัญหาถ้าพบเจอข้อผิดพลาดสมาชิกกรุณาแจ้ง webmaster ดว้ยครับ
 
  Home   เว็บบอร์ด   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  

หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: หลุมพรางเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล  (อ่าน 1626 ครั้ง)
aod3177
Newbie
*
กระทู้: 4


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: กันยายน 23, 2010, 09:27:52 PM »


     การใช้สารเคมีทำลายเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล จะไม่สามารถทำลายเพลี้ยได้อย่างเด็ดขาด เนื่องจากเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลเพศเมีย  1 ตัว  ไข่ครั้งละ 5-7 ฟอง  ไข่วันละ  5  ครั้ง  รวม  25-35  ฟอง ต่อตัว ต่อวัน  ประมาณ   10-15  วัน ก็จะกลายเป็นตัวเต็มวัย  เมื่อพ่นสารเคมีก็จะสามารถกำจัดได้เฉพาะตัวเต็มวัยเท่านั้น  ส่วนไข่จะยังอยู่และกลายเป็นตัวเต็มวัยในเวลาต่อมา  และต้องพ่นยาฆ่าแมลงอยู่ตลอดเวลา  นั่นเป็นหลุมพรางของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล         
พฤติกรรมการใช้สารเคมีเป็นอาวุธกำจัดแมลงศัตรูข้าว โดยเฉพาะ เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ของเกษตรกรชาวนา นับวันยิ่งจะใช้สารเคมีที่มีอนุภาพการทำลายที่รุนแรงและใช้ในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้นทุกที เกษตรกรอาจจะไม่ทราบว่าการฉีดพ่นสารเคมีกำจัดแมลงศัตรูข้าวไม่ว่าจะโดยวิธีการใดก็ตาม ไม่ค่อยได้ผลคุ้มค่ากับเงินและเวลาที่สูญเสียไป นอกจากนั้น การฉีดพ่นสารเคมียังทำให้แมลงดื้อยา เป็นอันตรายต่อตัวเกษตรผู้ฉีดพ่นสารเคมีเอง และสิ่งแวดล้อม แน่นอนที่สุดสารเคมีบางชนิดอาจตกค้างในผลผลิตและเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค
                มิติใหม่การป้องกันก่อนการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลโดยใช้อาวุธชีวภาพ คือ "หัวเชื้อจุลินทรีย์บิวเมธาซัส" ซึ่งประกอบเชื้อราที่เป็นศัตรูธรรมชาติ 3 ชนิด คือ บิววาเรีย  เมธาไรเซียม และ พาซิโลมัยซิส อยู่ในรูปผงสปอร์พร้อมใช้  ใช้ง่ายและสะดวก ปลอดภัยต่อผู้ใช้
               การใช้สารเคมีทำลายเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล จะไม่สามารถทำลายเพลี้ยได้อย่างเด็ดขาด เนื่องจากเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลเพศเมีย  1 ตัว  ไข่ครั้งละ 5-7 ฟอง  ไข่วันละ  5  ครั้ง  รวม  25-35  ฟอง ต่อตัว ต่อวัน  ประมาณ   10-15  วัน ก็จะกลายเป็นตัวเต็มวัย  เมื่อพ่นสารเคมีก็จะสามารถกำจัดได้เฉพาะตัวเต็มวัยเท่านั้น  ส่วนไข่จะยังอยู่และกลายเป็นตัวเต็มวัยในเวลาต่อมา  และต้องพ่นยาฆ่าแมลงอยู่ตลอดเวลา  นั่นเป็นหลุมพรางของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล         แต่ การใช้     
ประโยชน์: บิววาเรีย และ เมธาไรเซี่ยม มีความสามารถเข้าทำลาย แมลงศัตรูพืชทุกชนิด โดยผ่านเข้าทางผิงหนังของแมลง ด้วยการสร้างหลอดออกมาแทงทะลุผิวหนังของแมลงเข้าไปภายใน เชื้อจะสร้างกลุ่มเส้นใยเข้าไปตามท่ออาหารและขยายจำนวนมากขึ้น โดยเส้นใยแตกและหักออกเป็นท่อนสั้นๆเข้าไปทำลายอวัยวะต่างๆในตัวแมลง และเพิ่มจำนวนภายในตัวแมลง ซึ่งจะทำลายเนื้อเยื่อของแมลง และ ปล่อยสารพิษทำลายแมลงด้วย ทำให้แมลงป่วย ร่างกายอ่อนแอ และตายในที่สุดและติดต่อไปยังแมลงข้างเคียงอย่างรวดเร็ว และทำลายแมลงตัวอื่นๆด้วย  ส่วนแมลงไม่สามารถ แสดงอาการดื้อยา เหมือนสารเคมีกำจัดแมลงทั่วๆไป       ในขณะที่     พาซิโลมัยซิส  จะกำจัดไข่ของแมลงทุกชนิด เช่น ไข่หนอนเจาะลำต้น ไข่เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ไข่หนอนใยผัก ไข่หนอนเจาะสมอฝ้าย ไข่หนอนกระทู้หอม และไข่ของแมลงทุกชนิดทั้งปากกัดและปากดูด รวมทั้งไข่หอยเชอรี่ในนาข้าว   แต่ หัวเชื้อจุลินทรีย์บิวเมธาซัสไม่เป็นอันตรายต่อ มนุษย์ และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด จึงปลอดภัยกับคนฉีดกว่าสารเคมี

       วิธีการใช้:
    1. แช่ หัวเชื้อจุลินทรีย์บิวเมธาซัส อย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง  เพื่อให้ จุลินทรีย์เพิ่มปริมาณและขยายตัว ก่อนนำไปฉีด
     2. ใช้หัวเชื้อจุลินทรีย์บิวเมธาซัส   อัตรา 50 กรัม ต่อ น้ำ 20 ลิตร ฉีดช่วงเช้าหรือเย็น ช่วงเย็นจะเหมาะที่สุดเพราะผ่านช่วงกลางคืน ทำให้จุลินทรีย์ทั้ง 3 ชนิดทำงานได้เต็มที่  และฉีดให้โดนตัวแมลงให้มากที่สุด ถ้ากรณี เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล จะเกาะ  อยู่ตามโคนต้นและใต้ใบ
      3.   กรณีป้องกัน ใช้ หัวเชื้อจุลินทรีย์บิวเมธาซัส  สลับกับสารเคมี หรือผสมกับสารเคมีได้   พร้อมกัน เพื่อป้องกันการดื้อยาของแมลงทุกชนิด โดยเฉพาะเพลี้ยกระโดดน้ำตาลที่ดื้อสารเคมีได้รวดเร็วมาก 
     4.   กรณีแมลงระบาดแล้ว เช่น เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ให้ผสมหัวเชื้อจุลินทรีย์บิวเมธาซัส   กับ        สารเคมีได้เลย ฉีดไปพร้อมกัน เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลสามารถสร้างภูมิต้านทานสารเคมีได้ แต่ไม่สามารถสร้างความต้านทาน หัวเชื้อจุลินทรีย์บิวเมธาซัสได้
     5.  สามารถใช้ หัวเชื้อจุลินทรีย์บิวเมธาซัสลดจำนวนแมลงตัวแก่ได้โดยฉีดไปที่ตัวแมลงที
          มาเล่นไฟโดยตรง โดยเฉพาะ เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล จะเป็นตัวเมียส่วนใหญ่ที่มาเล่นไฟ ทำให้ตัวแก่ตัวเมียตายไม่สามารถออกไข่ได้
      6.   หัวเชื้อจุลินทรีย์บิวเมธาซัสมี “พาซิโลมัยซิส”  เป็นส่วนประกอบ ซึ่งจะทำลายไข่ของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ที่เกาะอยู่ตามใบข้าว ไม่ให้ฟักออกมาเป็นตัว ทำให้ช่วยลดจำนวนของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลได้อีกทางหนึ่ง สาเหตุที่สารเคมี ใช้ควบคุมเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลไม่ค่อยได้ผล เป็นเพราะ การดื้อยา และ สารเคมีฆ่าเฉพาะตัวอ่อนกับตัวแก่เท่านั้น แต่ฆ่าไข่ไม่ได้ เมื่อไข่ฟักออกมาเป็นตัวก็จะทำลายข้าวได้อีก
ดังนั้น “หัวเชื้อจุลินทรีย์บิวเมธาซัส” จึงมีประสิทธิ์ภาพสูงกว่าและปลอดภัยต่อผู้ใช้มากกว่าสารเคมีในการควบคุมและกำจัดเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล

สั่งซื้อ ติดต่อ คุณอำนวย โทร.089-1777260
www.amnuaykaset.com
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.19 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!