เว็บบอร์ดไม้ประดับออนไลน์
ธันวาคม 11, 2011, 08:05:04 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดไม้ประดับออนไลน์อยู่ระหว่างการทดลองใช้งานถ้ามีปัญหาถ้าพบเจอข้อผิดพลาดสมาชิกกรุณาแจ้ง webmaster ดว้ยครับ
 
  Home   เว็บบอร์ด   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  

หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ขายเมล็ดเทพธาโร ไม้หอมหายาก  (อ่าน 109 ครั้ง)
plantname
Hero Member
*****
กระทู้: 1252


ดูรายละเอียด อีเมล์
« เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2011, 09:34:11 PM »

ขายเมล็ดต้นเทพธาโร สอบถามที่085-1818772 plantname@hotmail.com

ข้อมูลลักษณะต้นเทพธาโร

1.  ชื่อพันธุ์ไม้                     เทพธาโร

2.  ชื่อสามัญ    (ไทย)            จวง  จวงหอม (ภาคใต้)               

                   (อังกฤษ)        Citronella laurel, True laurel.

3.  ชื่อวิทยาศาสตร์                Cinnamomum porrectum Kosterm. และมีชื่อพ้องทางวิทยาศาสตร์คือ

C. parthenoxylon Meissn. และ C. glanduliferum Nees

4.  ชื่อวงศ์                         Lauraceae

5.  การกระจายพันธุ์ตามธรรมชาติ

                   เทพทาโร  มีเขตการกระจายพันธุ์แถบเอเชียเขตร้อน นับตั้งแต่เทือกเขาตะนาวศรีในพม่า ไทย มลายู จนถึงแถบคาบสมุทรอินโดจีนและสุมาตรา ไม้ชนิดนี้ชอบขึ้นบนพื้นที่สูง มีลักษณะคล้ายกับ C. neesianum Meissn ซึ่งเป็นไม้ที่พบกระจายพันธุ์อยู่แถบจีนตอนใต้และตังเกี๋ย

                   ในประเทศไทย จะพบเทพทาโรขึ้นอยู่ห่าง ๆ กันบนเขาในป่าดงดิบทั่วประเทศ แต่จะพบมากที่สุดทางภาคใต้ เทพทาโรเป็นไม้พื้นเมืองเก่าแก่ของไทย พบหลักฐานการอ้างถึงครั้งแรกในสมัยสุโขทัย ดังปรากฏในไตรภูมิพระร่วง เมื่อ พ.ศ. 1888  กล่าวถึงพรรณพืชหอมในอุตตรกุรุทวีป จะประกอบด้วย จวง จันทน์ กฤษณา คันธา  เป็นต้น

6.  ลักษณะทางวนวัฒนวิทยา

                   เทพทาโร  เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ไม่ผลัดใบ เรือนยอดเป็นพุ่มกลับทึบ สีเขียวเข้ม ลำต้นเรียบไม่มีพูพอน เปลือกต้นสีเทาอมเขียวหรืออมน้ำตาล ค่อนข้างเรียบ แตกเป็นร่องยาวตามลำต้น เมื่อถากเปลือกออกจะมีกลิ่นหอม กิ่งมีลักษณะอ่อนเรียว เกลี้ยงและมักมีคราบขาว

                   ใบ  เป็นชนิดใบเดี่ยว ออกเรียงสลับกัน เป็นใบรูปรีแกมรูปไข่ หรือรูปไข่แกมรูปขอบขนาน เนื้อใบค่อนข้างหนา ผิวใบเกลี้ยง ท้องใบมีคราบขาว ปลายใบแหลม โคนใบแหลมและกลม ยาวประมาณ 7 - 20 ซม. ก้านใบเรียวเล็ก 2.5 - 3.5 ซม.

                   ดอก  ออกเป็นช่อ สีขาวหรือเหลืองอ่อน มีกลิ่นหอม ออกดอกตามปลายกิ่งเป็นกระจุกยาว 2.5 - 7.5 ซม. ก้านช่อดอกจะเรียวยาวและเล็กมาก

                   ผล  มีขนาดเล็กและกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 7 มม. ผลอ่อนมีสีเขียว ผลแก่มีสีม่วงดำ ก้านผลเรียว ยาวประมาณ 3 - 5 ซม. 

                   ลักษณะเนื้อไม้  มีสีเทาแกมน้ำตาล มีกลุ่มหอมฉุน มีริ้วสีเขียวแกมเหลือง เนื้อไม้เป็นมันเลื่อม เสี้ยนตรง หรือสับสน เป็นคลื่นบ้างเล็กน้อย เหนียว แข็งพอประมาณ เลื่อย ไส้กบ ตบแต่งง่าย

                   สารสำคัญในเนื้อไม้  จะพบ d - camphor ที่ใช้แทน sassafras ได้ดีให้น้ำมันที่มีสารหอม คือ safrol และ cinnamic aldehyde และยังพบ safrol ในเปลือกต้นและใบ

7.  การขยายพันธุ์

การขยายพันธุ์ไม้เทพทาโรที่นิยมปฏิบัติกันคือ การขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด

8.  การปลูก การเจริญเติบโต และการปรับปรุงพันธุ์

                   ต้นเทพทาโรเป็นไม้หอมที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ จึงสมควรที่จะปลูกสร้างสวนป่าไม้เทพทาโรขึ้นในที่ที่มีความชุ่มชื่นเพียงพอ เพราะเทพทาโรจะชอบขึ้นอยู่บนเขาในป่าดงดิบ พบมากที่สุดทางภาคใต้ อาจจะปลูกใต้ร่มไม้อื่นหรือปลูกเป็นไม้แซมสวนป่า น่าจะเจริญเติบโตดีกว่าปลูกเป็นไม้เบิกนำในที่โล่งแจ้ง

9.  วนวัฒนวิธีและการจัดการ
                   เมื่อได้ต้นกล้าของเทพทาโรมาแล้ว ควรปลูกระยะห่างต้นละ 5 เมตร อาจปลูกแซมสวนป่า หรือปลูกพืชจำพวกกล้วยน้ำว้า เป็นพืชพี่เลี้ยงแซมลงไปเพื่อให้มีรายได้ในช่วง 2 - 3 ปีแรก การใส่ปุ๋ยทำเช่นเดียวกับไม้ยืนต้นทั่วไป

10. การใช้ประโยชน์
                   ปรากฏหลักฐานการใช้ประโยชน์ของเทพทาโร หรือจวงหอมมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย ดังปรากฏในไตรภูมิพระร่วง พ.ศ. 1888 กล่าวถึงการบูชาจักรรัตนะ ผู้คนจะแต่งตัว ทากระแจะจวงจันทน์น้ำหอม และนำเอา “ข้าวตอกแลดอกไม้ บุปผชาติเทียนแลธูปวาสะชวาลาแลกระแจะจวงจันทน์น้ำมันหอม มาไว้มานบคำรพ วันทนาการบูชาแก่กงจักรแก้วนั้น”  หรือในตอนกล่าวถึงแผ่นดิน อุตตรกุรุทวีป มักจะใช้กระแจจวงจันทน์ตกแต่งศพ ดังความว่า “เขาจิงเอาศพนั้นอาบน้ำแลแต่งแง่ หากกระแจะแลจวงจันทน์ น้ำมันอันหอม แลนุ่งผ้าห่มผ้าให้”  หรือตอนพระญาจักรพรรดิราชสวรรคต ก็จะ “ชโลมด้วยกระแจจวงจันทน์ และจิงเอาผ้าขาวอันเนื้อละเอียดนั้นมาตราสังศพพระญาจักรพรรดิราชนั้น”  ตอนกล่าวถึงการบูชาพระญาจักรพรรดิราช พระนามพระญาศรีธรรมาโศกราช พรรณนาว่า “นาคราชลางจำพวกเอากระแจะจวงจันทน์คันธรสอันประเสริฐอันดีมาถวายทุกเมื่อ”  หรือพระญาศรีธรรมาโศกราชก็จะ “บูชาพระสงฆ์เจ้าด้วยธูปแลเทียนข้าวตอกดอกไม้แลกระแจะจวงจันทน์ทั้งหลาย”

                   ตอนพรรณนาดาวดึงส์สวรรค์ของพระอินทร์ กล่าวว่า “หอมกระแจะจวงจันทน์อีกพรรณดอกไม้อันขจรทุกแห่ง แต่งพัดเข้าเร้าเถิงพระอินทร์หอมฟุ้งทุกแห่ง พระอินทร์จิงไปเหล้นที่สวนนั้นสนุกนิ์นัก” และได้กล่าวถึงเทพยดาคือคนธัพพเทวบุตรตกแต่งอาภรณ์ด้วยแก้วแหวนเงินทองและทาตัวด้วยกระแจะแลจวงจันทน์ ดังได้พรรณนาไว้ว่า “อันว่ากระแจะแลจวงจันทน์อันเทพยดาทาตัวนั้น ถ้าแลว่าจะขูดออกใส่ตุ่มแลไหได้ 9 ตุ่มแล”

                   ความนิยมในเครื่องหอมกระแจจวงจันทน์ มีสืบเนื่องมาถึงสมัยอยุธยาตอนต้นดังปรากฏในกฎหมายพิสูจน์ดำน้ำลุยเพลิง พ.ศ. 1899 สมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (อู่ทอง) ว่า “น้ำมันกระแจะจวงจันทน์”  และมีการกล่าวถึงต่อมาในมหาชาติคำหวง สมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถเมื่อ พ.ศ. 2025 ดังกล่าวไว้ในกัณฑ์มหาพนว่า “กรักขีพงเทพทารูก็มี”

                   ในสมัยอยุธยาตอนกลาง ตำราพระโอสถสมัยพระนารายณ์ พ.ศ. 2202 กล่าวถึงการใช้ประโยชน์ของเทพทาโรในทางยาว่า เป็นยาจำเริญพระธาตุ ดังนี้คือ “จำเริญพระธาตุ ให้เอาใบรักแห้ง บอระเพ็ดแห้ง แห้วหมู ดอกชรากากี ผลมะตูมอ่อน รากมะตูม โกฐหัวบัว เทพทาโร สมอเทศ เทียนแดง เชือกเขาพรวน ขิงแห้ง ดีปลี กระเทียมทอก รากชะพลู เกลือสินเธาว์ เสมอภาค ทำเป็นจุณ บดด้วยน้ำผึ้งรวง น้ำสุรา ระคนกันเป็นลูกกอน เสวยหนักสลึง 1 แก้พระวาตะ เสมหะ โลหิตกำเริบอันทุพล แก้พระเส้นอันทพฤก อันกระด้างตึงแต่พระชงฆ์ขึ้นไป ตราบเท่าถึงบั้นพระองค์ให้พระเส้นนั้นอ่อน ให้เสวยพระกระยาหารเสวยได้ ให้จำเริญพระสกลธาตุเป็นอันยิ่ง ข้าพระพุทธเจ้าออกขุนทิพจักร ประกอบทูลเกล้าฯ ถวาย”

     หนังสือไม้เทศเมืองไทย กล่าวถึงประโยชน์ทางยาของเทพทาโรไว้ว่า ตามชนบทต่าง ๆ ใช้ปรุงเป็นยาหอมแก้ลม จุกเสียดแน่น แน่นเฟ้อ แก้อาการปวดท้อง ขับผายลมได้ดี ขับลมในลำไส้และกระเพาะอาหาร ให้เรอ เป็นยาบำรุงธาตุ ในเปลือกมีน้ำมันระเหย 1 ถึง 2% และแทนนิน  นอกจากนั้นยังกล่าวถึงประโยชน์อย่างอื่นของเทพทาโร คือ เนื้อไม้สีขาว จะมีกลิ่นหอมฉุนเหมือนกลิ่นการบูร อาจกลั่นเอาน้ำมันระเหยออกจากเนื้อไม้นี้ได้ และอาจดัดแปลงทางเคมีให้เป็นการบูรได้ ส่วนใบมีกลิ่นหอม ใช้เป็นเครื่องเทศ ตามร้านขายสมุนไพรในประเทศไทย จะใช้ใบเทพทาโรแทนใบกระวาน สำหรับใส่เครื่องแกงสะระหมั่น ส่วนใบกระวานจริง ๆ ที่มีลักษณะเหมือนใบข่า จะไม่นิยมใช้กัน หนังสือไม้เทศเมืองไทยยังระบุว่าต้นเทพทาโรมีมากทางภาคเหนือ ชาวพายัพเรียกว่าปูต้นหรือไม้การบูร แต่อาจมีทางกาญจนบุรีบ้าง

   ส่วนเมล็ดของเทพทาโร จะให้น้ำมัน ใช้เป็นยาทาถูนวด แก้ปวด รูมาติซึ่ม  เปลือกเป็นยาบำรุงธาตุอย่างดี โดยเฉพาะสำหรับหญิงสาวรุ่น ต้มกินแก้เสียดท้อง ท้องขึ้น ท้องเฟ้อ

   ประโยชน์อย่างอื่นของเทพทาโร คือ ไม้ ใช้ในการแกะสลักบางอย่าง ทำเตียงนอน ทำตู้ และหีบใส่เสื้อผ้าที่กันมอดและแมลงอื่น ๆ ได้ ทำเครื่องเรือนและไม้บุผนังที่สวยงาม ทำแจวพาย กรรเชียง กระเบื้องไม้ เป็นต้น

 


* เทพธาโร.jpg (31.17 KB, 320x388 - ดู 48 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
plantname
Hero Member
*****
กระทู้: 1252


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2011, 10:00:36 PM »

ขายเมล็ดต้นเทพธาโร จำนวนมาก
สอบถามที่085-1818772 หรือที่ plantname@hotmail.com

Cinnamomum porrectum เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ เนื้อไม้และรากมีกลิ่นหอม พบว่าได้มีการนำไม้เทพทาโรมาใช้ประโยชน์ตั้งแต่สมัยสุโขทัย โดยใช้ทำเครื่องหอม ประทินผิว ธูปหอม ใช้ในพิธีกรรมทางศาสนา และใช้เป็นส่วนผสมในตำรับยา นอกจากนี้ยังใช้ในการก่อสร้าง เครื่องเรือน ของใช้ เชื่อว่าป้องกันตัวเรือด ตัวไร มอด แมลงต่างๆ ได้

ปัจจุบันไม้เทพทาโรนำมาใช้ประโยชน์ในงานแกะสลักทำประดิษฐกรรมต่างๆ

สำหรับการดำเนินงานการวิจัยโครงการวิจัย ไม้เทพทาโร ไม้หอมเศรษฐกิจ โดยกลุ่มงานวนวัฒนวิจัย ได้ทำการศึกษาในเรื่องการขยายพันธุ์ พบว่าไม้เทพทาโรมีการสืบพันธุ์ทั้งแบบอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศ กล่าวคือ เกิดจากการเพาะเมล็ด ใช้เวลานานถึง 90 วัน
แต่จากการศึกษาของนักวิจัยพบว่าการเพาะเมล็ดให้ได้ผลดี ควรจะกำจัดเปลือกและ เนื้อที่หุ้มเมล็ดออกเสียก่อน เนื่องจากเป็นแหล่งอาหารของราและมด

ปัจจุบันได้พัฒนาการเพาะเมล็ดให้งอกได้ถึง 70% โดยใช้เวลาเพียง 12 วัน

ส่วนการปลูกไม้เทพทาโร แม้จะพบในป่าดิบชื้นทุกภาคของประเทศ แต่จากการศึกษาพบว่า จะเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ชุ่มชื้นสูง จึงควรปลูกใต้ร่มไม้อื่น เช่น การปลูกเป็นไม้แซมในสวนป่า หรือการปลูกแซมไม้ผลที่มีอายุไม่ยืนยาวมากนัก เช่น กล้วย ก็จะทำให้มีรายได้จากไม้ผลในช่วงแรก ที่ยังไม่สามารถสร้างรายได้จากไม้เทพทาโร

โดยมีอัตราการเจริญเติบโตที่ดี จากการทดลองปลูกที่ศูนย์วนวัฒนวิจัยภาคใต้ จังหวัดสงขลา พบว่าต้นเทพทาโรอายุ 1 ปี มีความโตเส้นผ่าศูนย์กลางเฉลี่ย 1.8 เซนติเมตร และเมื่ออายุ 3 ปี มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 6.8 เซนติเมตร และความสูงเฉลี่ย 5.4 เมตร ถือว่าเป็นไม้ที่โตเร็วพอสมควร

ส่วนการใช้ประโยชน์ นอกจากเนื้อไม้ที่แข็งปานกลางใช้ในการก่อสร้างเป็นเครื่องเรือนแล้ว งานพัฒนาเคมีผลิตผลป่าไม้ และกลุ่มงานพัฒนาผลผลิตป่าไม้ ยังได้ศึกษาทดลองสารกลั่นน้ำมันหอมระเหย จากเนื้อไม้ ใบ ราก และผล พบว่า น้ำมันที่กลั่นได้ประกอบด้วยสารแซฟรอล (safrol) มากกว่าร้อยละ 80 มีคุณสมบัติและองค์ประกอบทางเคมีใกล้เคียงกับน้ำมันแซฟซาฟรัส ที่กลั่นจากรากของต้นแซฟซาฟรัส
ที่ใช้ในการแต่งกลิ่นอาหาร รูทเบียร์ หมากฝรั่ง ใช้ในอุตสาหกรรมน้ำหอม สบู่ ยารักษาโรค น้ำยาขัดพื้น สารซักล้าง สารทำความสะอาด ใช้ในน้ำมันนวดตัวอโรมา และสปา ใช้ในการแก้ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดท้อง ปวดฟัน แก้เจ็บคอ รักษาโรคคางทูม ใช้รักษาโรคข้ออักเสบ โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ และโรคโกโนเรีย

นอกจากนี้ยังมีรายงานการวิจัยเนื้อในเมล็ดเทพทาโร มีโปรตีน 2 ชนิดคือ พอเร็ตติน (porrectin) และซินนาโมมิน (cinnamomin) ซึ่งเป็นพิษต่อเซลล์ ออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของไรโบโซม ในการสร้างโปรตีนเช่นเดียวกับไรซีน และอะบริน อาจจะพัฒนาไปสู่สารยับยั้งโรคพืช หรือยารักษาโรคมะเร็ง และโรคเอดส์ได้ในอนาคต

ด้านมูลค่าทางเศรษฐกิจ จากการสำรวจตลาดในประเทศ พบว่าราคาซื้อขายรากตอไม้เทพทาโรที่เก็บจากป่า ราคารถกระบะละ 2,000-3,000 บาท การประดิษฐ์เป็นลูกประคำเส้นละ 700-900 บาท ผู้ประกอบการแกะสลักมีรายได้เดือนละ 4,000-5,000 บาทต่อคน
น้ำมันหอมระเหยราคาลิตรละ 10,000-12,000 บาท โดยไม้ 300 กิโลกรัม จะได้น้ำมัน 400 มิลลิลิตร น้ำมันที่ได้จากการบีบผลเทพทาโรราคาลิตรละ 4,000 บาท


* ต้นเทพธาโร.jpg (58.33 KB, 292x390 - ดู 45 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.15 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!