คำพูดผ่านเครื่องสังเคราะห์เสียง ของ สตีเฟน ฮอว์กิง (Stephen W. Hawking) ในการประชุมของนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของโลกที่ได้ร่วมกันขยับ ”นาฬิกาโลกาวินาศ” (Doomsday Clock)
หากน้ำแข็งขั้วโลกเหนือและใต้ละลาย ภายใน 10 กว่าปีที่จะถึงนี้ เราลองคิดดูว่า จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
1. อุณหภูมิ ที่เพิ่มขึ้น 1 องศา ทำให้ภัยธรรมชาติรุนแรงขึ้น 4-5 เท่าตัว (ตัวอย่างเช่นพายุ katalena)
ผลกระทบโดยตรงจากภาวะโลกร้อน ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่าในรอบ ๔๐ ปี อุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้นเพียง ๐.๖ หรือ ๑ องศาเซลเซียส ได้ส่งผลต่อระดับความรุนแรงของภัยธรรมชาติเพิ่มขึ้น ๔ - ๕ เท่าตัว
2. น้ำทะเลเพิ่มระดับขึ้นสูง เนื่องจากการละลายของน้ำแข็งที่มีฐานตั้งอยู่บนพื้นดิน เมืองใหญ่ๆที่ตั้งอยู่ไกล้แม่น้ำหรือทะเล และอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลไม่มาก จะต้องจมอยู่ใต้น้ำ เหตุการณ์นี้จะค่อยๆเกิดขึ้น ทำให้มีเวลาพอที่จะอพยพ แต่.....
3. ฝนจะตกติดต่อกัน แบบไม่หยุด เป็นเดือนๆ (ถ้าไม่เข้าใจว่าฝนจะตกติดต่อกันได้อย่างไร ลองชม An Inconvenient Truth
http://http://www.youtube.com/watch?v=_21b7mdJz2M ก็จะทำให้เข้าใจว่า อุณหภูมิสูงขึ้น ทำให้อัตราการระเหยของไอน้ำจากทะเลเพิ่มสูงขึ้นด้วย) น้ำจะท่วมไปทุกหนแห่ง จนไม่มีแม้กระทั่งเส้นทางให้อพยพ เหตุการณ์ 3 เหตุการนี้เพียงพอที่จะคร่าชีวิตผู้คนไปได้มากมาย แต่....
4. ป่าไม้เขตร้อน ที่อยู่ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ จะถูกทำลายเพราะโดนน้ำท่วม ปอดของโลกจมน้ำเสียแล้ว .... แหล่งผลิตอาหารแห่งใหญ่ของโลกถูกทำลาย
5.ภัยพิบัติ ยังไม่จบอยู่แค่นั้น การละลายของน้ำแข็งขั้วโลก ทำให้การไหลเวียนของกระแสน้ำอุ่น และกระแสน้ำเย็น อยู่ในภาวะที่ไม่เสถียรภาพ หรือถึงขั้นหยุดไหลได้ โลกจะเข้าสู่ยุคน้ำแข็งภายในระยะเวลาไม่กี่ปี
*หมายเหตุ หลังสิ้น อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ แล้ว สตีเฟน ฮอว์กิง คือนักวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการยอมรับนับถือมากที่สุด เราจะไม่เชื่อเขาเลยหรือ
ถ้าเกิดไม่เชื่อ..ก็จงทำลายโลกกันต่อไป