กุหลาบชนิดนี้ มีถิ่นกำเนิดจากประเทศฮอลแลนด์ ถูกนำเข้ามาปลูกและขยายพันธุ์ในประเทศไทยนานกว่า 30-40 ปีแล้ว
กุหลาบบลูมูน อยู่ในวงศ์ ROSACEAE เป็นไม้พุ่ม ต้นและกิ่งก้านมีหนามแหลม ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ออกสลับมีใบย่อย 5-7 ใบ ลักษณะใบเป็นรูปไข่กว้าง ปลายแหลม โคนมน ขอบใบจักเป็นฟันเลื่อย หูใบแนบติดกับก้านใบ สีเขียวสด ใบอ่อนหรือยอดอ่อนเป็นสีเขียวปนสีน้ำตาลแดง
ดอก ออกเป็นดอกเดี่ยวๆที่ปลายยอด ฐานรองดอกเป็นรูปถ้วย มีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ กลีบดอกมี 5-7 กลีบ (ส่วนใหญ่เป็นพันธุ์ ลูกผสม) กลีบเรียงซ้อนกันหนาแน่น กลีบเป็นรูปกลมมน ขอบกลีบเมื่อบานหรือกางออก ปลายกลีบมักจะม้วนลงเห็นชัดเจน กลีบที่อยู่วงนอกจะมีขนาดใหญ่กว่ากลีบที่อยู่ในวงถัดไป ผิวกลีบในช่วงแรกบานจะเป็นสีครามเกือบเป็นสีน้ำเงิน จึงถูกเรียกชื่อว่า “กุหลาบบลูมูน” หรือ “พระจันทร์สีน้ำเงิน” หลังจากนั้นสีของกลีบดอกจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้มเห็นชัดเจน ดอกเมื่อบานเต็มที่เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 13-15 ซม. นับว่า เป็นกุหลาบที่มีดอกขนาดใหญ่มากพันธุ์ หนึ่ง จะมีข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือ ดอกไม่มีกลิ่นหอมนั่นเอง มีเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียจำนวนมาก เวลามีดอกดกและดอกบานสะพรั่งพร้อมๆกัน ลองหลับตานึกภาพดูเถอะว่าสีสันของดอกจะสวยงามขนาดไหน “ผล” เป็นรูปไข่ เมื่อสุกเป็นสีแดง มี 1 เมล็ด ดอกออกตลอดปี ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด ปักชำกิ่ง ตอนกิ่ง ติดตา และหน่อ
การปลูก ถ้าปลูกลงดินกลางแจ้งควรเป็นที่ดอนน้ำท่วมไม่ถึง ขุดดินขึ้นมา ปรุงโดยใส่ฟางสับละเอียด ปุ๋ยคอก แกลบดำ แกลบดิบ ขี้วัวหรือขี้ควายแห้ง คลุกทั้งหมดให้เข้ากันจนได้ที่ นำดินไปเททำแปลงปลูก เกลี่ยหน้าดินให้เรียบ จากนั้นนำต้น “กุหลาบบลูมูน” ลงปลูก ถ้าปลูกจำนวนมากหลายๆต้น ต้องปลูกห่างกันต้นละ 1 เมตร หลังปลูกรดน้ำเช้าเย็น บำรุงปุ๋ยสูตร 8-24-24 สลับกับปุ๋ยสูตร 16-16-16 อาทิตย์ละครั้ง พร้อมโรยขี้วัวหรือ ขี้ควายแห้งตามหน้าดินบางๆ 10 วันครั้ง จะทำให้ต้นงอกงามดี มีดอกไม่ขาดต้น ถ้าปลูกลงกระถางต้องทำทางระบายน้ำก้นกระถางให้ดี หลังมีดอกและดอกร่วง หรือ ตัดดอกแล้ว ต้องตัดแต่งกิ่งทุกครั้ง เพื่อให้มีกิ่งใหม่แตกยอดขึ้นมาแทน จะได้มีดอกสวยงามตลอดเวลา
เอื้อเฟื้อข้อมูล โดย
www.thairath.co.th