เว็บบอร์ดไม้ประดับออนไลน์
ตุลาคม 22, 2014, 07:33:07 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดไม้ประดับออนไลน์อยู่ระหว่างการทดลองใช้งานถ้ามีปัญหาถ้าพบเจอข้อผิดพลาดสมาชิกกรุณาแจ้ง webmaster ดว้ยครับ
 
  Home   เว็บบอร์ด   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  

หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พรรณไม้ มหาพรหมราชินี  (อ่าน 2942 ครั้ง)
ThaiTree
Sr. Member
****
กระทู้: 471


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2010, 09:29:03 AM »

พรรณไม้ มหาพรหมราชินี


* ดอกมหาพรหมราชินี.jpg (114.01 KB, 300x200 - ดู 1374 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
ThaiTree
Sr. Member
****
กระทู้: 471


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2010, 09:29:58 AM »

สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย ดร.ปิยะ เฉลิมกลิ่น ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ วว. ค้นพบ "มหาพรหมราชินี" พรรณไม้ในสกุลมหาพรหมชนิดใหม่ของโลก เมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๗

นอกจากนี้ ได้ทำการศึกษาวิจัย การขยายพันธุ์มหาพรหมราชินี โดยได้นำต้นกล้ามาทดลองปลูก ณ พื้นที่ราบต่ำภาคกลางและมีอุณหภูมิสูง โดยเฉพาะอย่างในกรุงเทพฯ ผลปรากฏว่า ต้นสามารถปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ได้เป็นอย่างดี และมีอัตราการเจริญเติบโตที่ดี และขณะนี้เป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่ต้นมหาพรหมราชินีซึ่งปลูก ณ แปลงทดลอง วว. เทคโนธานี คลอง ๕ จ.ปทุมธานี มีดอกบานเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ได้ทำการปลูกในพื้นที่ภาคกลาง จึงนับเป็นการบานของดอกมหาพรหมราชินีนอกถิ่นกำเนิดเป็นครั้งแรก

มหาพรหมราชินี เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น (endemic) ที่อยู่เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น มีถิ่นกำเนิดอยู่ในบริเวณที่แคบของยอดเขาสูงชันที่ระดับความสูง ๑,๑๐๐ เมตร ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ลักษณะของต้นเป็นไม้ต้นขนาดเล็ก สูง ๔-๖ เมตร ลำต้นมีเส้นผ่านศูนย์กลาง ๕-๘ เซนติเมตร เปลือกลำต้นสีน้ำตาล กิ่งอ่อนมีขนอ่อนคลุมอยู่ ใบรูปหอก กว้าง  ๔-๙ เซนติเมตร ยาว ๑๑-๑๙ เซนติเมตร เนื้อใบค่อนข้างหนา ผิวใบเรียบเป็นมันทั้งสองด้าน โคนใบและปลายใบแหลม มีเส้นแขนงใบจำนวน ๘-๑๑ คู่

ดอก มีลักษณะเป็นดอกเดี่ยวหรือเป็นช่อ ๑-๓ ดอกใกล้ปลายยอด เป็นพรรณไม้ที่มีดอกใหญ่ที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับดอกของพรรณไม้ชนิดอื่นๆ ในสกุลมหาพรหม คือ เมื่อบานเต็มที่ดอกมีเส้นผ่านศูนย์กลาง ๑๐ เซนติเมตร โคนกลีบสีเขียวอ่อน ปลายกลีบสีม่วงเข้ม กระดกงอขึ้นและประกบติดกันเป็นรูปกระเช้า แต่ละดอกบานอยู่ได้ ๓-๕ วัน กลิ่นหอมอ่อนๆ มีฤดูดอกบานเต็มต้นในช่วงเดือนพฤษภาคม

ส่วนผล เป็นผลกลุ่ม มีผลย่อย ๑๐-๑๕ ผล รูปทรงกระบอก เส้นผ่านศูนย์กลาง ๒.๒-๒.๔ เซนติเมตร มีขนอ่อนปกคลุมหนาแน่น มีผลแก่ในช่วงเดือนตุลาคม 

อนึ่ง วว. ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้อัญเชิญพระนามาภิไธย เป็นชื่อพืชชนิดใหม่ว่า Mitrephora siriketiae Weerassoriya, Chalermglin & M.K.R. Saunders 

นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่ม : 376
เดือน-ปี : 08/2553
คอลัมน์ : ต้นไม้ใบหญ้า
นักเขียนหมอชาวบ้าน : สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.19 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!