|
ลักษณะทั่วไป |
|
ลิ้นมังกรเดิมมีถิ่นกำเนิดในแถบเมดิเตอร์เรเนียนสำหรับในประเทศไทยนั้นมีการปลูกลิ้นมังกรมาเป็นเวลานานแล้วโดยเฉพาะ
บริเวณภาคเหนือของประเทศไทยลิ้นมังกรต้นสูง 15-90 ซม. ลำต้นตั้งตรง
ใบเป็นใบเดี่ยว ออกตรงข้ามรูปใบหอก แคบ ปลาย และโคนเรียวแหลม
ดอกมีหลายสี เช่น สีเหลือง แดง ม่วง และขาว ดอกมี 2 ประเภท
คือ ประเภทแรกมีลักษณะ snapping คือ ถ้าบีบด้านข้างดอกกลีบบนและกลีบล่างจะแยกจากกัน
เรียกดอกชนิดนี้ว่า ดอกมาตรฐาน อีกประเภทหนึ่ง กลีบดอกจะแบบกว้าง
และเห็นคอดอกชัดเจน ดอกจะใหญ่ และบานนาน แต่ไม่มีลักษณะ
snapping เรียกดอกแบบนี้ว่า ดอกแบบอเซเลีย (Azalea flowered)
|
|
ฤดูกาลออกดอก |
|
ออกดอกนช่วงฤดูร้อน เพื่อที่จะสามารถปลูกลิ้นมังกรให้สามารถออกดอกได้ตลอดทั้งปี
สำหรับประเทศไทยนั้นถ้าเราเลือก
พันธุ์ที่ต้องการอุณหภูมิเย็นมากๆมาปลูกจะไม่ได้ผลเราต้องเลือกกลุ่มที่ออกดอกในช่วงฤดูร้อนในต่างประเทศมาปลูกใน
ประเทศไทย เพราะพวกนี้ต้องการแสงแดดและอากาศไม่เย็นจัด ได้แก่ดอกสีขาว ดอกสีเหลือง ดอกสีชมพูอ่อน ดอกสีแดง
|
|
สภาพการปลูก |
|
ดินที่ใช้ปลูกลิ้นมังกรนั้น
ก็จะเหมือนกับไม้ดอกประเภทอื่นๆ จะต้องร่วนซุย โปร่ง มีอินทรีย์วัตถุเพียงพอ
สะอาด ปราศจากเชื้อโรค
สถานที่ปลูกควรมีแดดจัด ดินระบายน้ำได้ดี แต่ไม่มีลมแรง
มิเช่นนั้นช่อดอกจะหักง่าย
|
|
การขยายพันธุ์ |
|
ขยายพันธุ์โดยเพาะมล็ด และการปักชำกิ่งและ ใช้หน่อ
|
|
การปลูกและดูแลรักษา |
|
การรดน้ำควรรดที่โคนต้นเท่านั้น
ไม่ควรรดโดนใบให้ใบเปียก เพราะจะทำให้เกิดโรคได้ง่ายการตัดดอกนั้นจะต้องตัดดอกเมื่อดอก
ย่อยในช่อบานประมาณ 6-10 ดอกเป็นอย่างน้อย เพราะถ้าจะเก็บในขณะที่ดอกย่อยยังตูมอยู่
ดอกย่อยจะไม่ค่อยบานต่อ หรือบาน
แต่ไม่สมบูรณ์ความคงทนของดอกลิ้นมังกรนั้นขึ้นอยู่กับปริมาณอาหารสะสมในช่อดอกการตัดช่อดอกตอนเย็นจะมีแนวโน้มที่จะ
มีอายุยืนยาวกว่าตัดตอนเข้า นอกจากนี้ควรเติมน้ำตาลลงไปในน้ำที่ใช้แช่ก้านดอกทันทีหลังจากตัดจากต้น
จะช่วยยืดอายุการได้
ระยะเวลา จากเพาะเมล็ดจนให้ดอกประมาณ 10-16 สัปดาห์
|