ชื่อสามัญ –
ชื่อวิทยาศาสตร์ Cordyline termialis “amabilis”
ตระกูล LILIACEAE
ถิ่นกำเนิด –
ลักษณะทั่วไป
เพชรชมพูพรรณไม้พวกเดียวกับหมากผู้หมากเมีย ที่มีลำต้นตรงกลมขนาดเล็ก มีความสูงประมาณ 1-3 เมตร ลำต้นสีน้ำตาล
มีข้อถี่ตามลำต้นซึ่งเป็นรอยของกาบใบ ลักษณะเป็นรูปหอก ปลายใบแหลม โคนใบสอบเข้าหาก้านใบ ขนาดใบกว้างประมาณ
2-3 นิ้วยาวประมาณ8-12 นิ้วใบอ่อนจะมีสีเขียวปนขาวและสีชมพูอ่อนเมื่อใบแก่ก็จะเปลี่ยนเป็นสีเขียวสีม่วงหรือแดงเข้มใบ
เป็นมันจะแตกใบรวมกันตรงส่วนยอดของลำต้นสลับเป็นวงกลม ก้านใบหรือกาบใบสีแดงเข้ม ดอกจะแตกออกตรงส่วนยอด
ออกดอกเป็นช่อชูขึ้นมาดอกมีขนาดเล็กสีขาวเพชรชมพูต่างกับเพชรสายรุ้งตรงที่พื้นใบมีสีเขียวอมเทาขอบใบแต้มด้วยสีครีม
และสีชมพูเข้ม ลากเป็นเส้น เส้นกลางใบมีสีเขียวอ่อน กาบใบมีสีเขียวกลิบด้วยสีชมพูเข้ม
การเป็นมงคล
คนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดปลูกต้นเพชรชมพูไว้ประจำบ้าน จะทำให้เกิดคุณค่าที่สูง เพราะเพชรคืออัญมณีที่มีค่าสูงดังนั้นเพชรชมพูจึงเป็นของสูงที่มีค่าชนิดหนึ่ง ดังนั้นเพชรชมพูจึงเป็นไม้มงคลนาม นอกจากนี้โบราณยังมีความเชื่ออีกว่ายังทำให้เกิดความอยู่เย็นเป็นสุขเพราะเพชรชมพูเป็นพรรณไม้เดียวกับหมากผู้หมากเมียซึ่งคนไทยโบราณนิยมปลูกไว้ประจำบ้านมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล
ตำแหน่งที่ปลูกและผู้ปลูก
เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัย ควรปลูกต้นเพชรชมพูไว้ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ผู้ปลูกควรปลูกในวันอังคาร เพราะโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้เพื่อเอาประโยชน์ทั่วไปทางใบให้ปลูกในวันอังคาร
การปลูกมี 2 วิธี
1. การปลูกในกระถางเพื่อประดับภายในและภายนอกอาคาร ควรใช้กระถางทรงสูง ขนาด 8-16 นิ้ว ใช้ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก : แกลบผุ:ดินร่วนอัตรา 1 : 1 : 1 ผสมดินปลูกควรเปลี่ยนกระถาง1 : 2 ปี/ครั้งเพราะการขยายตัวของทรงพุ่มโตขึ้นและเพื่อ
เปลี่ยนดินปลูกใหม่ ทดแทนดินปลูกเดิมที่เสื่อมสภาพไป
2.การปลูกในแปลงปลูกเพื่อประดับบริเวณบ้านและสวนโบราณนิยมปลูกไว้เป็นแนวรั้วรอบบ้านหรือบริเวณสวนหน้าบ้าน
ขนาดหลุมปลูก 30 x 30 x 30 เซนติเมตร ใช้ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก : ดินร่วน อัตรา 1 : 1 ผสมดินปลูก
การดูแลรักษา
แสง ต้องการแสงแดดรำไร หรือแสงแดดปานกลาง
น้ำ ต้องการปริมาณน้ำมาก ควรให้น้ำ 3-5 วัน/ครั้ง
ดิน ชอบดินร่วนซุย ดินร่วนปนทราย ต้องการความชื้นสูง
ปุ๋ย ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 0.5-1 กิโลกรัม/ต้น ควรใส่ 5-6 ครั้ง/ปี
การขยายพันธ์ การปักชำ วิธีที่นิยมและได้ผลดี คือ การปักชำ
โรค ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องโรค เพราะเป็นไม้ที่ทนทานต่อโรคพอสมควร
แมลง เพลี้ยหอย
อาการ ถูกดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้ยอดอ่อนและใบแห้งสีน้ำตาล และแห้งเหี่ยวในที่สุด
การป้องกัน รักษาความสะอาดบริเวณแปลงปลูก กำจัดมดที่เป็นพาหะแพร่ระบาดด้วยยาเช่นเดียวกับการกำจัด
การกำจัด ตัดกิ่งที่มีเพลี้ยหอยเผาไฟทำลาย ใช้ยาเมธาซีสทอกซ์ อัตราและคำแนะนำระบุไว้ตามฉลาก