ชื่อสามัญ Cananga
ชื่อวิทยาศาสตร์ Cananga odorata.
ตระกูล ANNONACEAE
ลักษณะทั่วไป
กระดังงาเป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลางและใหญ่ลักษณะการแตกกิ่งก้านลู่ลงข้างล่างบางชนิดก็มีลักษณะเป็นเถาเลื้อยลำต้นสูงประมาณ
15 – 25 เมตรเปลือกลำต้นมีสีน้ำตาลและสีเทาโคนต้นมีปุ่มอยู่เล็กน้อยแตกกิ่งสาขามากมุ่มแน่นใบเป็นใบเดี่ยวออกสบับกันตาม
กิ่งก้าน ลักษณะใบยาวประมาณ 12-15 เซนติเมตร กว้างประมาณ 4-6 เซนติเมตรปลายใบแหลมโคนใบมนสอบแหลมขอบใบ
เรียบ สีเขียว ดอกจะออกเป็นช่อ ตามปลายกิ่งหรือโคนใบมีสีเหลือง กลิ่นหอมแรงดอกหนึ่งจะมี 6 กลีบ ดอกจะแบ่งเป็น2 ชั้นมีชั้น
ละ 3 กลีบ ลักษณะของดอกเรียวยาว ม้วนบิดไปมา ขนาดดอกยาวประมาณ 3-5 นิ้ว ตรงกลางดอกมีจุดเล็ก ๆ สีขาว
การเป็นมงคล
คนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดปลูกต้นกระดังไว้ประจำบ้านจะทำให้มีชื่อเสียงโด่งดัง เพราะ กระดัง คือการทำให้เกิดเสียงดังไปไกล นอกจากนี้ยังเชื่ออีกว่า เสียงดังเหมือนกับนกการะเวกในสมัยพุทธกาล คือมีเสียงดังไพเราะมาก ก้องไกลทั่วสวรรค์ ดังนั้นบางคนจึงเรียกกระดังงาว่า การะเวก
ตำแหน่งที่ปลูกและผู้ปลูก
เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัยควรปลูกต้นกระดังงาไว้ทางทิสตะวันออกผู้ปลูกควรปลูในวันพุธเพราะโบราณเชื่อว่าการ
ปลูกไม้เอาประโยชน์ทั่วไปทางดอกให้ปลูกในวันพุธ
การปลูก
นิยมปลูกลงในแปลงปลูก เพื่อประดับบริเวณบ้านและสวน ถ้าเป็นชนิดแบบเถาเลื้อย ดังนั้นควรมีค้าน หรือซุ้ม เพื่อให้ต้นกระดังงาเลื้อยเกาะจึงเหมาะที่จะปลูกเป็นร่มริมรั้วบ้าน ขนาดหลุมปลูก 50 x 50 x 50 เซนติเมตรใช้ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก : ดินร่วน อัตรา 1 : 2 ผสมดินปลูกถ้าให้การเจริญเติบโตของทรงพุ่มที่สวยงาม และเป็นระเบียบ ควรตัดแต่งกิ่งให้เหมาะสมด้วย
การดูแลรักษา
แสง ต้องการแสงแดดจัด หรือกลางแจ้ง
น้ำ ต้องการปริมาณน้ำปานกลาง ควรให้น้ำ 5-7 วัน/ครั้ง
ดิน ชอบดินร่วนซุย
ปุ๋ย ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 1 : 2 กิโลกรัม/ต้น ควรใส่ปีละ 4-6 ครั้ง
การขยายพันธ์ การเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง วิธีที่นิยมและได้ผลดี คือ การตอน
โรค ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องโรค เพราะเป็นไม้ที่ทนต่อโรคพอสมควร
ศัตรู เพลี้ยต่าง ๆ (Aphis)
อาการ ใบและยอดถูกกัดแทะ เป็นรู เป็นรอย และทำให้ทรงพุ่มแคระแกร็น
การป้องกัน รักษาความสะอาดบริเวณแปลงปลูก
การกำจัด ใช้ยาคาร์บาริล (Carbaryl) อัตราและคำแนะนำระบุไว้ตามฉลาก