ชื่อสามัญ Water Lily
ชื่อวิทยาศาสตร์ Nymphaea lotus Linn.
วงค์ NYMPHAEACEAE
ลักษณะทั่วไป
![](https://maipradabonline.com/wp-content/uploads/2023/04/bou1.jpg)
บัวเป็นพรรณไม้น้ำประเภทพืชล้มลุก มีลำต้นและหัวอยู่ในดิน ใต้น้ำการเจริญชูก้านใบและดอกขึ้นมาบนผิวน้ำ ใบมีลักษณะกลมกว้างใหญ่ ผิวใบเรียบ มีสีเขียวหรือน้ำตาลอ่อน ดอกเป็นกลีบซ้อนกันหลายขั้น ลักษณะดอกคล้ายรูปกรวย เวลาบานคล้ายกับร่ม ดอกมีสีขาว ชมพู เหลือง ผลคือส่วนที่อยู่ตรงกลางดอก ซึ่งมีเมล็ดประกอบอยู่ภายในจำนวนมาก ลักษณะขนาดสีสรร ของใบและดอกขึ้นอยู่กับชนิดพันธุ์
การเป็นมงคล
คนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดปลูกต้นบัวไว้ปรจำบ้าน จะทำให้เกิดความบริสุทธิ์ ความเบิกบาน เพราะการเปรียบเทียบดอกบัวที่ชูดอกพ้นจากผิวน้ำว่า เป็นผู้ที่หลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง เป็นผู้ตื่น ผู้รู้ ผู้เบิกบาน นอกจากนี้ยังมีความเชื่ออีกว่าช่วยทำให้เกิดความห่วงใยความผูกพันธ์ของคนในครอบครัว เพราะสายใยบัวคือ ความห่วงใย ความผูกพันธ์
ตำแหน่งที่ปลูกและผู้ปลูก
เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัย ควรปลูกต้นบัวไว้ทางทิศตะวันตก ผู้ปลูกควรเป็นผู้ที่เกิดในปีจอ เพราะต้นบัวเป็นต้นไม้ประจำปีจอ นอกจากนี้หากผู้อาศัยในบ้านเกิดในปีจอด้วยแล้วก็จะเป็นมงคลยิ่งขึ้น และถ้าจะให้ดีผู้ปลูกควรปลูกในวันพุธ เพราะโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้เพื่อเอาประโยชน์ทางดอกให้ปลูกในวันพุธ
การปลูก วิธีที่นิยมปลูกมี 2 วิธี คือ
1.) การปลูกในปลูกในสระหรือบ่อ
1.1 สระขนาดใหญ หรือเรียกว่าการทำนาบัว ใช้พื้นที่ขนาด 5-50 ไร่ พื้นที่ที่เหมาะในการปลูกตัวต้องเป็นที่ราบสม่ำเสมอ
และอยู่ใกล้แหล่งน้ำดินเป็นดินเหนียวการเตรีมพื้นที่คล้ายกับการทำนาดำโดยระบายน้ำออกให้แห้งก่อน แล้วยกคันดินโดยรอบ
พื้นที่ให้สูง ประมาณ 1-2 เมตร ปรับพื้นที่ให้เรียบจึงไถดะหรือไถพรวน หลังจากนั้นโรยปูนขาวอัตรา 5-10 กิโลกรม/ไร ตาก
แดดทิ้งไว้ 7-10 วัน แล้วไถแปรอีกครั้ง พร้อมกับเติมปุ๋ยคอกอัตราไร่ละประมาณ 150 กิโลกรัมต่อไร่หลังจากนั้นจึงปักดำบัวโดยใช
ระยะ 2 x 2 เมตร ในพื้นที่ 1 ไร่ ระยะแรกปลูกบัว ควรรักษาระดับน้ำให้ขังอยู่ในแปลงในระดับที่พอเหมาะคือ ควรลึกประมาณ 30
เซนติเมตร ในช่วงเดือนแรก หลังจากนั้นปล่อยน้ำเข้าแปลงอีกประมาณ 50-100 เซนติเมตร
1.2 สระขนาดเล็ก หรือในพื้นที่ที่จำกัด ทำได้โดยวิธีการขุดสระหรือบ่อขนาด 2 x 3 x 1 เมตร (กว้าง x ยาว x ลึก )
หรือขนาดอื่นที่ใกล้เคียงกันควรเป็นพื้นที่ราบสม่ำเสมอและอยู่ใกล้แหล่งน้ำดินต้องเป็นดินเหนียวการเตรียมดินก็คล้ายกับการ
ปลูกในสระใหญ่ เพียงแต่ลดอัตราส่วนของปูนขาวและปุ๋ยคอกลงเล็กน้อย คือใช้ปูนขาวโรงพื้นประมาณ 200 กรม ใช้ปุ๋ยคอก 2-5
กิโลกรัม/สระ ส่วนจำนวนต้นปลูกควรใช้24ต้น/สระกรณีที่อยู่ห่างแหล่งน้ำและดินปลูกไม่เหมาะสมเราสามารถขุดสระหรือบ่อขนาด
2 x 3 x 1 เมตร (กว้าง x ยาว x ลึก) หรือขนาดอื่นที่ใกล้เคียงกันโดยใช้ปูนซีเมนต์ทำเป็นพื้น เพื่อกักเก็บน้ำแล้วนำดินเหนียว ผสมปุ๋ยคอกเป็นดินปลูกหลังจากนั้นจึงนำต้นบัวมาปลูก24/สระคอยเพิ่มระดับน้ำทีละน้อยตามความเจริญของต้นบัวและคอยเปลี่ยน
น้ำหรอถ่ายเทเมื่อสังเกตุเห็นว่าน้ำเสื่อมคุณภาพ คือ มีกลิ่นเหม็น หรือสีคล้ำ พันธุ์บัวที่ใช้ปลูกในสระหรือบ่อ ได้แก่ บัวหลวง บัวผัน
บัวเผื่อน บัวสาย บัวจงกลนี บัวกระด้ง
2. การปลูกในกระถาง นิยมปลูกกัน 2 ลักษณะ คือ
2.1 ปลูกโดยใช้กระถาง 2 ใบ วางซ้อนกันโดยใช้ใบใหญ่ 1 ใบ และใบเล็ก 1 ใบ ขนาดกระถางใบใหญ่ มีขนาด 18-24 นิ้ว
เป็นกระถางทรงสูงสามารถกักเก็บน้ำได้ ส่วนขนาดกระถางใบเล็กมีขนาด 6-8 นิ้ว เป็นกระถางทรงสูงใช้สำหรับใส่ดินปลูกบัว โดยใช้ดินผสมหรือดินเหนียว : ปุ๋ยอินทรีย์อัตรา2:1ผสมดินปลูกหลังจากนั้นก็นำกระถางใบเล็กวางซ้อนในกระถางน้ำใบใหญ่ที่
เตรียมไว้ แล้วค่อย ๆ ใส่น้ำลงไปในกระถางในระดับที่เหมาะสม กับความต้องการของต้นบัว การปลูกวิธีนี้สามารถเปลี่ยน
กระถางบัว และเคลื่อนย้ายได้สะดวกเพราะเป็นกระถางเล็ก
2.2 ปลูกโดยใช้กระถางใบเดียว โดยใช้กระถางทรงสูงขนาด 18-24 นิ้ว ซึ่งสามารถกักเก็บน้ำไว้ได้ วิธีปลูกก็นำดินปลูกผสมปุ๋ยอินทรีย์ คือใช้ดินผสมหรือดินเหนียว:ปุ๋ยอินทรีย์อัตรา2:1แล้วใส่ดินปลูกลงในกระถางประมาณ1/2ของกระถางจึงนำต้นบัวไปปลูกหลังจาก
นั้นก็ค่อย ๆ ใส่น้ำลงไปในกระถางระดับเดียวกับขอบกระถาง พันธุ์ที่ใช้ปลูกในกระถางทั้งสองวิธีได้แก่ บัวหลวง บัวผัน บัวเผื่อน
บัวสาย ถ้าจะให้ต้นมีการเจริญที่ดี และสวยงามควรเปลี่ยนน้ำ เมื่อเห็นว่าสกปรกหรือใส่ปุ๋ยบำรุงด้วยปุ๋ยที่นิยมใช้คือ ปุ๋ยเคมีสูตร
15-15-15 อัตรา 150-300 กรัม/กระถาง โดยหว่านลงในน้ำ ใส่ 2-3 เดือน/ครั้ง
การดูแลรักษา
แสง ต้องการแสงแดดอ่อน จนถึงแสงแดดจัด
น้ำ ต้องการปริมาณน้ำมาก เพราะเป็นพืชเจริญอยู่ในน้ำ
ดิน ดินเหนียว ดินนา ดินผสมอินทรีย์
ปุ๋ย ในระยะแรกก่อนปลูกใช้ปุ๋ยคอก อัตรา 0.5-1 กิโลกรัม/กอ ใช้ปุ๋ยเคมี สูตร 15-15-15 หรือ 16-20-0
อัตรา 200-300 กรัม/กอ โดยหว่านลงน้ำ ใส่ปีละ 4-5 ครั้ง
การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การแยกกอ
ิวธีที่นิยมและได้ผลดีคือ การแยกกอจากหัวหรือเหง้า
โรคศัตรู โรครากเน่า เพลี้ยต่าง ๆ
อาการ ใบและก้านใบเหลือง แห้งเหี่ยว และแคระแกร็น ใบอ่อนหงิกงอ ใบและดอกบัวแคระแกร็น
การป้องกัน การรักษาความสะอาดดินปลูกและคุณภาพน้ำ หลีกเลี่ยงบริเวณเพลี้ยระบาด
การกำจัด ทำลายต้นที่เป็นโรคทิ้งแล้วปลูกใหม่ ใชยาโดไม้ที อัตราและคำแนะนำระบุไว้ในฉลาก