ชื่อวิทยาศาสร์ Allamanda 1violacea
Gard. & Field.
ตระกูล APOCYNACEAE
ชื่อสามัญ ฺPurple Allamanda
ลักษณะทั่วไป
ต้น บานบุรีม่วงหรือบานบุรีสีม่วงเป็นไม้เถากึ่งต้นกึ่งเลื้อยหรืไม้รอเลี้ยเถาหรือลำต้นมีขนาด
เล็กแข็งและเหนียวทุกส่วนของเถาหรือลำต้นจะมียางสีขาวเถาของบานบุรีสีม่วงเลื้อยไปได้
ไม่ไกลอย่างบานบุรีเหลือง บานบุรีม่วงจะเลื้อยไปได้ไกลประมาณ 10 ฟุต เท่านั้นเอง
ใบ เป็นไม้ใบเดี่ยว ออกใบเป็นกลุ่ม ๆ ละ 3-4 ใบ ตามข้อต้น ใบสีเขียวแต่ไม่ถึงกับเขียวเข้ม
รูปใบรีหรือรูปขอบขนาน ปลายใบและโคนใบแหลมก้านใบสั้น ขอบใบเรียบเกลี้ยงเนื้อใบอ่อน
และจะปกคลุมไปด้วยขนแจ็งที่ละเอียด เมื่อจับดูแล้วจะรู้สึกระคายมือ ใบก้างประมาณ 2.5
เซนติเมตร และยาวประมาณ 10 เซนติเมตร
ดอก ออกดอกเป็นช่อสั้น ๆ ตามซอกใบและปลายกิ่ง หรือตามข้อต้น ช่อละ 5-6 ดอก ดอก
มีรูปทรง กรวยปลายดอกบานออกเป็น 5 กลีบ กลีบภายในดอกมีเกสรตัวผู้ 5 อัน ดอก
มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ
ฤดูกาลออกดอก
บานบุรีมักจะให้ดอกได้ตลอดทั้งปีแต่จะให้ดอกดกในช่วงระหว่าง
เดือนมิถูนายน – สิงหาคม
การปลุก
บานบุรีม่วงเป็นไม้ที่มีการเจริญเติบโตค่อนข้างช้าและมักจะแตกกิ่งหรือแขนงใหม่ได้ดีในช่วง
ฤดูฝนเท่านั้น ปลูกโดยนำกิ่งที่ได้จากการปักชำ การตอน หรือการเพาะเมล็ดมาปลูกลงดิน โดย
ชุดหลุมกล้างลึกประมาณ 1 x 1 ฟุต หรือกว่านั้นเล้กน้อย แล้วรองก้นหลุมด้วยปุ๋ยหมัก 1/4 ของ
หลุมกลบดินเล็กน้อย แล้ววางกิ่งปักชำพร้อมกับดินที่ติดมากับกิ่งปักชำลงกลางหลุม กลบดินพอ
แน่น รดน้ำใช้ชุ่ม
การดูแลรักษา
แสง บานบุรีม่วงเป็นไม้กลางแจ้ง ที่ชอบแสงแดดมากพอสมควร
น้ำ ควรรดน้ำวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น อย่าปล่อยให้ดินที่บริเวณโคนต้นแห้ง หากดินโคน
ต้นแห้งสนิทเมื่อใด ต้นก็จะตายทันที
ดิน บานบุรีม่วง ชอบขึ้นในดินที่มีความชุ่มชื้น ควรหาไม้คลุมดินที่มีระบบรากตื้น ๆ มาปลูก
ไว้ตามโคนต้น เพื่อรักษาความชื้นในดินบริเวณโคนต้น ให้กับบานบุรีในช่วงฤดูแล้งได้
ปุ๋ย ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก รองก้นหลุมตอนปลูก เมื่อต้นโนแล้วให้พรวนดินบริเวณโคนต้น
แล้วใส่ปุ๋ยหมักปีละ 2 ครั้ง
โรคและแมลง
ไม่มีโรคและแมลงที่สำคัญ
การขยายพันธุ์
ขยายพันธุ์โดยการปักชำ การตอน และการเพาะเมล็ด