ชื่อวิทยาศาสร์ Hiptage beghalensis. (Linn) Kurz.
ตระกูล MALPIGHIACEAE
ชื่อสามัญ –
ลักษณะทั่วไป
ต้น โนรา เป็นไม้เลื้อยเถาใหญ่มีเนื้อแข็ง และสามารถเลื้อยไปได้ไกลและรวดเร็วด้วย แต่ถ้าปลูก
โนราไว้กลางแจ้งก็อาจจะกลายเป็นไม้พุ่มได้หรือ ก็จะขดเป็นพุ่มเถาโนามีสีเขียว กลมและเกลี้ยง
ใบ เป็นไม้ใบเดี่ยว ใบจะออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน ใบสีเขียวเข้มลักษณะใบเป็นรูปขอบขนาน รูปไข่หรือ
รูปไข่กลับ ปลายใบเรียวแหลม โคนใบมนและมีต่อมนูนอยู่ 2 ต่อม ใบอ่อนจะเป็นสีเทา ใบมีความ
กว้างประมาณ 10 เซนติเมตร และยาวประมาณ 18 เซนติเมตร
ดอก ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบและปลายกิ่ง ช่อดอกยาวประมาณ 15 เซนติเมตร และจะมีขน ดอกมีสี
ขาว หรือสีขาวอมชมพูเรื่อ ๆ มีกลิ่นหอมคล้ายดอกส้มโอ ดอกจะบานอยู่ได้ประมาณ 3-4 วัน ก็จะร่วง
และจะมีดอกใหม่ทะยอยบายอยู่เรื่อย ๆ ดอกจะมีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ กลีบหนึ่งมีต่อมนูน มีกลีบดอก 5
กลีบ และแต่ละกลีบจะมีขนาดไม่เท่ากัน มีกลีบใหญ่อยู่ในสุดและจะมีสีเลืองแต้ม กลีบดอกมักจะยู่ยี่
ขอบกลีบดอกจักหรือเนินเป็นครุยมีเกสรต้วผู้ 10 อัน และมี 1 อัน ที่มีขนาดใหญ่กว่าอันอื่น ๆ
ฤดูกาลออกดอก
โนราจะออกดอกประมาณเดือนธันวาคม ถึง กุมภาพันธ์
การปลูก
โดยการนำเอาต้นกล้าที่ได้จากการเพาะเมล็ด กิ่งที่ได้จากการปักชำหรือการตอนมาปลูกลงดิน โดยให้ขุด หลุมกว้างลึกประมาณ 1 x 1 ฟุต รองก้นหลุมด้วยใบไม้ผุ หรือปุ๋ยหมักกลบดินเล้กน้อยแล้วจึงวางกิ่งปักชำ
หรือต้นกล้าลงกลางหลุม แล้วกลบดินพอมิด รดน้ำให้ชุ่ม
การดูแลรักษา
แสง โนราเป็นไม้ในร่ม หรือร่มรำไร มีความต้องการแสงน้อย
น้ำ ต้องการน้ำมาก ควรรดน้ำให้ดินมีความชื้นอยู่ อย่างสม่ำเสมอ
ดิน เจริญงอกงามได้ดีในดินแทบทุกชนิดไม่เลือกดินปลูกแต่ถ้าเป็นดินร่วนปนทราบที่มี
การระบายน้ำได้ดีก็จะดียิ่งขึ้น
ปุ๋ย ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ใส่บริเวณโคนต้นปีละ 2-3 ครั้ง
โรคและแมลง
ไม่พบโรคและแมลงที่สำคัญ
การขยายพันธุ์
ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด และการตอนกิ่ง