สอบถามเพิ่มเติมที่ 0xx-xxx-xxxx
yangbicho

ยางใบซอ

ชื่อสามัญ Fiddle – leaved fig ชื่อวิทยาศาสตร์ Ficus lyrata ตระกูล MORACEAE ถิ่นกำเนิด ทางตะวันตกของอัฟริกา ลักษณะทั่วไป ยางใบซอนี้เป็นไม้ตระกูลเดียวกันกับยางอินเดีย แผ่นใบมีขนาดใหญ่มาก ยาวประมาณ 40 ซ.ม. และกว้างประมาณ 22 ซ.ม. มีสีเขียวเข้มเปป็นมันแวววาว ขอบใบหยัก ถ้าปลูกในกระถางทางลึกจะสูงได้ประมาณ 1.50เมตร ชอบห้องที่อบอุ่น เหมาะที่จะปลูกในอาคารสำนักงาน ถ้าต้องการให้ใบมีความมันแวววาวสดใสอยู่ตลอดเวลา ควรหมั่นเอาฟองน้ำซุบน้ำพอให้เปียก เช็ดฝุ่นที่ใบอยู่เสมอๆ ต้นยางที่นิยมปลูก 1.ยางอินเดีย 2.ยางด่าง การดูแลรักษา แสง                              ชอบแสงสว่าง และทนแสงแดดได้บ้าง อุณหภูมิ                        ชอบอุณหภูมิ ประมาณ 18- 24 องศาเซลเซียส ความชื้น                      ต้องการความชื้นในอากาศบ้าง น้ำ                                อย่าปล่อยให้ดินปลูกแห้งควรหมั่นเช็ดอยู่ตลอดเวลา ดินปลูก                        ดินร่วน 2 ส่วน ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก 1 ส่วน ทรายหยาบ 1 ส่วน เศษไใบไม้ผุๆ 1 ส่วน

Read More »
chibilaem

ไทรย้อยใบแหลม

ชื่อสามัญ Weeping fig ชื่อวิทยาศาสตร์ Ficus benjamina ตระกูล MORACEAE ถิ่นกำเนิด ตั้งแต่อินเดียมาจนถึงฟิลิปปินส์ ลักษณะทั่วไป ไทรย้อยใบแหลมนี้เป็นไม้ประดับที่ได้รับความนิยม นำมาตกแต่งประดับประดาตามห้องหับ อาคารและสำนักงานเป็นอันมาก ใบของไทยพันธุ์นี้จะมีสีเขียวเมื่อยังอ่อนอยู่และจะมีสีเขียวเข้มเมื่อใบแก่เต็มที่ ลักษณะของใบที่ห้อยย้อยลงมามีความสวยงามมากถ้าปลูกอยู่นอกอาคารใบจะแน่นเป็นพุ่มเมื่อนำเข้ามาปลูกภายในห้องใบจะน้อยลงและต้นจะสูงโปร่ง การเจริญเติบโตเร็วมากไทรย้อยนี้เมื่อปลูกไปนานๆ จะมีรากอากาศแตกออกตามกิ่งก้านสามารถตัดเอาส่วนที่แตกรากนี้ไป ปลูกใหม่ได้ไทรย้อยจะเจริญเติบโตได้ดีในห้องที่มีความอบอุ่น และยังสามารถทนได้แม้กระทั่งในห้องที่ร้อนอบอ้าว แต่ถ้านำไปปลูกในห้องปรับอากาศมันจะหยุดการเจริญเติบโต เพื่อปรับตัวเองสักระยะหนึ่งแล้วค่อยเจริญ เติบโตต่อไป การดูแลรักษา แสง                              ต้องการแสงเต็มที่แต่ไม่ทั้งวัน เพียงแค่ 2-3 ช.ม. / วัน อุณหภูมิ                        ชอบอุณหภูมิ ประมาณ 18- 24 องศาเซลเซียส ความชื้น                      ถ้าอากาศแห้งแล้งควรฉีดพ่นน้ำที่ใบและกิ่งก้านบ้าง 3 – 4 วัน/ครั้ง น้ำ                                ไม่จำเป็นต้องให้น้ำมาก ถ้าปลูกในบ้านควรให้สัปดาห์ละครั้ง ยกเว้นในหน้าร้อนควรตรวจดูความชื้นในวัสดุปลูกอย่าให้แห้งเป็นอันขาด ดินปลูก                        ดินร่วน 2 ส่วน ปุ๋ยหมัก 1 ส่วน ทรายหยาบ 1 ส่วน ปุ๋ย                                ให้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักโรยบริเวณโคนต้น หรืออาจจะละลายน้ำรดเดือนละครั้งก็ได้ กระถาง                         ควรเปลี่ยนกระถางทุกปี

Read More »
waewnayola

แววมยุรา

ชื่อสามัญ Prayer plant. Rabbits tracks ชื่อวิทยาศาสตร์ Maranta ตระกูล MARANTACEAE ถิ่นกำเนิด ประเทศบราซิล ลักษณะทั่วไป  แววมยุรานี้เป็นไม้ประดับตระกูลเดียวกันกับคล้า แต่การปลูกเลี้ยงง่ายกว่ามาก ด้วยลักษณะของใบที่มีสีสันและลวดลายที่งดงามดูคล้ายกับลายของหางนกยูง จึงได้ชื่อภาษาไทยว่า “แววมยุรา” ฝรั่งเรียกว่าต้น “พนมมือ”เพราะว่าในตอนใกล้ค่ำไม้พันธุ์นี้จะกระดกใบตั้งขึ้นเหมือนกับการพนมมือสวดมนต์ไป จนถึงรุ่งเช้าใบถึงจะคลี่ออกตามเดิม แววมยุราเป็นไม้เลื้อยกึ่งคลุมดินที่มีความอดทนและเจริญเติบโตง่ายสามารถปลูกได้ดีในทุกสภาวะของห้อง แต่ก็ยังต้องการห้องที่มีความชื้นสูงพอสมควร แววมยุรานี้นิยมปลูกใส่กระถางแขวนเพื่อให้ห้อยย้อยลงมาแล ดูสวยงามยิ่ง การดูแลรักษา แสง                              ต้องการแสงปานกลางแต่ไม่ชอบแสงแดดโดยตรง อุณหภูมิ                        ชอบอุณหภูมิ ประมาณ 18- 24 องศาเซลเซียส ความชื้น                      ต้องการความชื้นสูง ถ้าอาการแห้งแล้งมาก ควรฉีดพ่นละอองน้ำให้ทุกวันและควรหลีกเลี่ยงน้ำที่จะทำให้เกิดรอยด่างเมื่อน้ำแห้งแล้ว น้ำ                                ต้องการน้ำมาก ควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ ดินปลูก                        ดินปลูกควรจะอมความชื้นได้บ้าง โดยใช้ดินเหนียวทำอิฐผสมดินร่วน 2 ส่วน ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกเก่าผสมกับเศษใบไม้ผุๆ 1 ส่วน ดินทราย 1 ส่วน ปุ๋ย                                ให้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักละลายน้ำรดเดือนละครั้ง กระถาง                         เปลี่ยนกระถางทุก 2 ปี (ควรให้กระถางพลาสติกจะเก็บความชื้นได้ดีกว่า) การขยายพันธุ์               ตัดชำ โรคและแมลง                ไรแดงจะพบในบางฤดู ส่วนโรคไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่ การป้องกันกำจัด          ไรแดงจะระบาดมากในฤดูร้อน

Read More »
settenine

เศรษฐีเรือนใน

ชื่อสามัญ Spider plant ชื่อวิทยาศาสตร์ CHlorophytum comosum ตระกูล LILIACEAE ถิ่นกำเนิด อัฟริกาใต้ ลักษณะทั่วไป เศรษฐีเรือนในเป็นไม้ประดับที่นิยมปลูกในกระถางแขวนกันมากใบมีลักษณะคล้ายใบหญ้า บริเวณขอบ ใบจะมีสีเขียวยาวตลอด ส่วนกลางใบจะมีสีขาวครีม ใบมีความยาวประมาณ 15 – 30 ซม. โค้งงอลงด้านล่างเมื่อเลี้ยงไป สักระยะหนึ่งมันจะแตกกิ่งมีต้นอ่อนเล็กๆ อยู่ตรงส่วนปลายของกิ่งเป็นกระจุกดูน่ารัก บางคนเรียกว่าต้นแมงมุม และมีบางคนเรียกมันว่าต้นเรือบิน เนื่องจากเวลามีลมพัดมันจะกวัดแกว่งไปมาเหือนเครื่องบินลอยอยู่ในอากาศ ต้นอ่อนที่แตกออกมานี้จะเกิดรากอย่างรวดเร็ว เราสามารถตัดเอาต้นอ่อน เหล่านี้ไปปลูกให้เจริญเติบโต เป็นต้นใหม่ได้อย่างง่ายดาย การดูแลรักษา แสง                              ชอบแสงสว่าง แต่ไม่ชอบแสงแดดโดยตรง อุณหภูมิ                        ชอบอุณหภูมิ ประมาณ 18- 24 องศาเซลเซียส ความชื้น                      ต้องการความชื้นต่ำ น้ำ                                รดน้ำแต่พอควร อาทิตย์ละครั้งก็พอ ดดยตรวจดูผิวหน้าของดินปลูกก็ได้ ดินปลูก                        ดินร่วน 2 ส่วน ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกเก่า 1 ส่วน ดินทราย 1 ส่วน เศษอิฐละเอียด 1 ส่วน ปุ๋ย                                ให้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักละลายน้ำรด

Read More »
maline

ม้าลาย

ชื่อสามัญ – ชื่อวิทยาศาสตร์ Haworthia reinwardtii ตระกูล LILIACEAE ถิ่นกำเนิด อัฟริกาใต้ ลักษณะทั่วไป โดยหลักความจริงแล้วม้าลายนี้เราจะเรียกว่าเป็นว่านหางจระเข้อีกพันธุ์หนึ่ง ก็น่าจะได้เพราะลักษณะลำต้นและใบคล้ายว่านหางจระเข้มากแต่ที่จะแตกต่างกันก็คือ สีของใบเท่านั้น ม้าลายใบจะมีสีเขียวเข้มและจะมีสีขาว พาดตามขวางเป็นลักษณะของข้ออยู่ด้านหลังใบ ใบมีลักษณะเป็นสามเหลี่ยมยาวประมาณ1 – 2 นิ้ว กว้างประมาณ 1/2 นิ้ว ม้าลายเป็นพืชที่ต้องการอากาศอบอุ่นเหมาะที่จะปลูกเลี้ยงไว้ในอาการบ้านเรือนโดยอาจวางไว้ที่ชื้น หรือข้างหน้าต่าง ที่แสงสว่างส่องถึงแต่ไม่ควรให้ถูกแสงแดดโดยตรง การดูแลรักษา แสง                              ชอบแสงแต่ไม่ชอบแสงแดดโดยตรง อุณหภูมิ                        ชอบอุณหภูมิ ประมาณ 18- 22 องศาเซลเซียส แต่ไม่ต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส ความชื้น                      ต้องการความชื้นในอากาศน้อยมาก น้ำ                                เนื่องจากเป็นพืชอวบน้ำ จึงไม่ต้องการน้ำมาก แต่ควรระวังอย่าให้วัสดุปลูกแห้ง ดินปลูก                        ดินร่วน 2 ส่วน ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกเก่า 1 ส่วน ดินทราย 1 ส่วน เศษใบไม้ผุๆ 1 ส่วน ปุ๋ย                                ไม่จำเป็นต้องให้ปุ๋ย กระถาง                         ใช้กระถางขนาดเล็กจะเปลี่ยนกระถางก็ต่อเมื่อมันแตกหน่อออกมาจนแน่น การขยายพันธุ์               ตัดแยกเอาต้นอ่อนที่เกิดใหม่ โรคและแมลง                โรคเน่าสาเหตุจากการให้น้ำมากเกินไป

Read More »
lin

ลิ้น

ชื่อสามัญ – ชื่อวิทยาศาสตร์ Gasteria maculata ตระกูล LILIACEAE ถิ่นกำเนิด อัฟริกาใต้ ลักษณะทั่วไป ลิ้นเป็นไม้ประดับประเภทใบอวบน้ำ ใบมีสีเขียวอ่อนและเขียวเข้มแซมกันอยู่ ใบจะมีการจัดเรียงอยู่แค่ 2 แถวเท่านั้นโดยจะแตกออกมาจากลำต้น ลิ้นเป็นไม้ประดับที่ปลูกง่าย ทนทาน ไม่ต้องกานน้ำมาก และด้วยใบอันอวบน้ำของมันจึงทำให้มันทนการขาดน้ำได้นานเกือบครึ่งปี ลิ้นเป็นไม้ประดับที่เหมาะแก่การนำมาประดับตกแต่งภายใน อาคารสำนักงานแต่จะต้องได้รับแสงอย่างเพียงพอ โดยอาจตั้งไว้ใกล้ๆ หน้าต่างหรืออาจจะใช้แสงไฟฟ้าแทนก็ได้ ลิ้นสามารถที่จะทนอยู่ได้แม้ในห้องที่มีอากาศแห้งแล้งหรือมีความชื้นน้อย การดูแลรักษา แสง                              ชอบแสงมาก อุณหภูมิ                        ชอบอุณหภูมิ ประมาณ 18- 24 องศาเซลเซียส ความชื้น                      ต้องการความชื้นน้อย น้ำ                                ต้องน้ำน้อยแต่ต้องการสม่ำเสมอทุกวัน การรดน้ำนั้นอาจจะรดทุกวันก็ได้แต่รดทีละน้อยๆ และพยายามอย่ารดน้ำลงไปขังในระหว่างกลีบใบ เพราะจะก่อให้เกิดการเน่าเปี่อยได้ ดินปลูก                        ดินร่วน 2 ส่วน ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกเก่า 1 ส่วน ทรายหยาบ 1 ส่วน เศษใบไม้ผุๆ 1 ส่วน ปุ๋ย                                ควรใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักละลายน้ำรดเดือนละครั้ง กระถาง                         ควรเปลี่ยนกระถางทุกปี การขยายพันธุ์               ตัดแยกหน่อ เพาะเมล็ด โรคและแมลง                ไม่ค่อยพบโรครบกวน พบแต่แมลงจำพวกเพลี้ย                                       การป้องกันกำจัด          ใช้ยาไซกอน (Cygon)

Read More »
kweawnama

แก้วหน้าม้า

ชื่อสามัญ Candelabra ชื่อวิทยาศาสตร์ Aloecasia ตระกูล LILIACEAE ถิ่นกำเนิด อัฟริกาใต้ ลักษณะทั่วไป แก้วหน้าม้าเป็นพืชจำพวกว่านหรือบอน ใบมีลักษณะหยักไปมาดูคล้ายรูกริช และมีสีสันสะดุดตามากผิวใบด้านบนจะมีสีเขียวเข้มเป็นมันระยับ เส้นใบจะมีสีขาวอมเขียวนูนเด่นเห็นชัดเจนมาก ส่วนผิวในด้าน ล่างจะมีสีม่วงเข้มและยาวประมาณ 50 ซม. แก้วหน้าม้าเจริญเติบโตได้ดีในที่ร่ม และมีความชื้นสูง ชอบแสงสว่าง แต่ไม่ชอบแสงแดด เหมาะแก่การนำมาประดับตกแต่งภายในอาคารบ้านเรือน การดูแลรักษา แสง                              ชอบแสงสว่าง แต่ไม่ชอบแสงแดด อุณหภูมิ                        ชอบอุณหภูมิ ประมาณ 18- 24 องศาเซลเซียส และไม่ควรให้อยู่ในที่ๆ มีอุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส ความชื้น                      ต้องการความชื้นสูง ถ้าปลูกเลี้ยงอยู่ในห้องที่อากาศร้อนและอบอ้าว ควรฉีดละอองน้ำให้ทุกวัน น้ำ                                ในระยะที่กำลังเจริญเติบโตควรให้น้ำอย่างเต็มที่ หลังจากนั้นการให้น้ำต้องดูที่ดินด้วยว่านดินแห้งพอจะให้น้ำได้หรือยัง ดินปลูก                         ดินร่วน 6 ส่วน ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกเก่า 1 ส่วน ทราย 4 ส่วน เศษใบไม้ผุๆ 1 ส่วน ปุ๋ย                                ควรใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักละลายน้ำรดเดือนละครั้ง กระถาง                         ควรเปลี่ยนกระถางทุกปี ใช้กระถางที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 12

Read More »
prongfa

โปร่งฟ้า

ชื่อสามัญ Asparagus fern ชื่อวิทยาศาสตร์ Asparagus setaceus ตระกูล LILIACEAE ถิ่นกำเนิด อัฟริกาใต้ ลักษณะทั่วไป โปร่งฟ้าเป็นพันธุ์ไม้ที่รู้จักกันดีในบ้านเรา เพราะใช้ประดับรวมกับดอกไม้ไหว้พระ และประดับในงานพิธีต่างๆ โปร่งฟ้าสามารถนำมาประดับในบ้านได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นพืชที่ไม่ชอบแสงมากนัก ลักษณะของ ลำต้นและใบมีความอ่อนช้อยงดงามยิ่งนัก ถ้าปล่อยให้เจริญเติบโตเต็มที่บางต้นอาจสูงถึง 3 เมตรเลยทีเดียว การดูแลรักษา แสง                              ต้องการแสงน้อยมาก อุณหภูมิ                        ชอบอุณหภูมิ ประมาณ 18- 24 องศาเซลเซียส ความชื้น                      ต้องการความชื้นสูง ถ้าอากาศแห้งแล้งควรใช้สเปรย์พ่นไปที่ใบ 2 – 3 วัน ต่อครั้ง น้ำ                                ต้องน้ำมาก ถ้ามีเวลาควรรดน้ำให้ทุกวัน ดินปลูก                         ดินร่วน 2 ส่วน ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกเก่า 1 ส่วน ทราย 1 ส่วน ปุ๋ย                                ควรใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักละลายน้ำรดเดือนละครั้ง กระถาง                         ควรใช้กระถางทรงตื้นก็ได้เพราะโปร่งฟ้ามีระบบรากไม่ลึก แต่จะแผ่กระจาย ออกไปตามแนวระดับ เปลี่ยนกระถางปีละครั้ง การขยายพันธุ์               แยกเอาเหง้ามาปลูก โรคและแมลง                ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องโรค แมลงได้แก่ ไรและเพลี้ย                                      

Read More »
sayganok

สายกนก

ชื่อสามัญ Candle plant ชื่อวิทยาศาสตร์ Plectranthus coleoides ตระกูล LABIATAE ถิ่นกำเนิด – ลักษณะทั่วไป สายกนกนี้เป็นไม้ประดับในตระกูลใกล้เคียงกับฤาษีผสม เป็นไม้ที่เลื้อยได้ ใบมีสีเขียวเข้มและมีเส้นลายสีขาวครีมอยู่ตามขอบใบ ขอบใบหยัก ลักษณะของใบคล้ายกับรูปหัวใจ ยาวประมาณ 3 นิ้ว ใบอ่อนของสายกนกจะมีสีงดงามกว่าใบแก่ เพราะฉะนั้นถ้าต้องการให้ใบอ่อนแตกออกมาเป็นพุ่มควรหมั่น เด็ดยอดใบแก่ทิ้งเสียบ้าง ถ้านำมาประดับภายในบ้าน ควรใส่กระถางแขวนเพื่อให้ใบห้อยย้อยมองดูสวยงามยิ่งนัก การดูแลรักษา แสง                              ต้องการแสงแดดโดยตรง ประมาณวันละ 2-4 ชม. อุณหภูมิ                        ชอบอุณหภูมิ ประมาณ 18- 21 องศาเซลเซียส ความชื้น                      ต้องการความชื้นในอากาศพอสมควร น้ำ                                ควรให้น้ำอย่างอย่างสม่ำเสมอ อย่าปล่อยให้วัสดุปลูกแห้ง ดินปลูก                         ดินร่วน 2 ส่วน ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกเก่า 1 ส่วน ใบไม้ผุๆ 1 ส่วน ทราย 1 ส่วน ปุ๋ย                                ควรใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักละลายน้ำเจือจางรดเดือนละ 2 ครั้ง กระถาง                         ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนกระถางใหม่ เมื่อเลี้ยงไปได้ 2

Read More »
firntentakab

เฟิร์นตีนตะขาบ

ชื่อสามัญ Sword ferna ชื่อวิทยาศาสตร์ Nephrolepis exaltata ตระกูล DAVALLIACEAE ถิ่นกำเนิด เขตร้อนชื้นของประเทศอเมริกา ลักษณะทั่วไป  เฟิร์นตีนตะขาบนี้เป็นเฟิร์นที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ มีก้านใบยาวบางครั้งอาจยาวถึง 1 เมตร เลยก็มีใบมีสีเขียวสดใสก้านใบมีสีน้ำตาลเฟิร์นตีนตะขาบนี้เจริญเติบโตได้รวดเร็วมาก ชอบอยู่ในห้องที่มีความ อบอุ่นอากาศมีความชื้นสูง ถ้าอยู่ในที่ๆ ร้อนจัดอากาศแห้งแล้ง มักจะทำให้เกิดอาการใบร่วงด้วยขนาดที่ค่อนข้างใหญ่นี้สามารถที่จะนำไปตั้งในสำนักงานหรืออาคาร เพื่อกำหนดแนวทางสัญจรได้อย่างสบาย หนำซ้ำยังก่อให้ เกิดความสวยงามเพลินตาเพลินใจอีกต่างหาก เฟิร์นที่นิยมปลูก 1.เฟิร์นเขากวาง 2.เฟิร์นข้าหลวง การดูแลรักษา แสง                              ชอบแสงสว่าง แต่ไม่ชอบแสงแดดโดยตรง อุณหภูมิ                        ชอบอุณหภูมิ ประมาณ 18- 24 องศาเซลเซียส ความชื้น                      ปานกลาง น้ำ                                ต้องการน้ำในปริมาณที่น้อย ดินปลูก                         ดินร่วนปนทราย 1 ส่วน ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกเก่า 1 ส่วน ใบไม้ผุๆ 1 ส่วน ทรายหยาบ 1 ส่วน ปุ๋ย                                ควรใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักละลายน้ำรดเดือนละครั้ง กระถาง                         นานๆ จึงจะเปลี่ยนสักครั้งก็ได้ ส่วนมากจะเปลี่ยนเฉพาะช่วงขยายพันธุ์ การขยายพันธุ์               แยกต้นอ่อน โรคและแมลง                ไม่ค่อยพบโรคแลแมลงรบกวน                                      

Read More »