สอบถามเพิ่มเติมที่ 0xx-xxx-xxxx

การเวก

ชื่อวิทยาศาสร์       Artabotrys siamensis. Mig ตระกูล                  ANNONACEAE ชื่อสามัญ                 – ลักษณะทั่วไป ต้น     การเวกเป็นไม้เถาเลื้อยเนื้อแข็งที่มีขนาดใหญ่จะมีมือเกาะรูปตะขอยื่นออกมาจากเถาเถาบริเวณ           ยอดอ่อนจะเป็นสีเขียว เมื่อเถาแก่ก็จะเป็นสีน้ำตาล ใบ      การเวกจะมีพุ่มใบที่หนาแน่นมากเป็นไม้ใบเดี่ยวออกใบสลับกันตามข้อต้นใบเป็นรูปขอบขนาน           หรือมนรี ทั้งโคนใบและปลายใบจะแหลมมีก้านใบสัน พื้นใบสีเขียวเข้ม เป็นคลื่นเล็กน้อย ขอบ           ใบเรียบไม่มีจัก ดอก   ดอกการเวกจะออกตรงโคนต้นใบ ลักษณะดอกจะเป็นดอกเดี่ยวตรงโคนก้านดอกจะมีมือเกาะ           ดอกเมื่อแรกออกจะเป็นสีเขียว แล้วจะค่อย ๆ เปลี่ยนไปเป็นสีเหลือง ในหนึ่งดอกจะมี กลีบ ซึ่ง           แบ่งเป็นชันชันละ 3 กลีบ และมีกลีบเลี้ยง 3 กลีบ ดอกมีขนาดเล็ก หนาและแข็ง กลีบดอกมีลักษ           ณะเป็นรูปรี มีเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียอยู่ภายในดอกเป็นจำนวนมาก ดอกจะมีกลิ่นหอมจัดใน           เวลาเย็นถึงค่ำ ฤดูกาลออกดอก การเวกจะออกดอกตลอดปี การปลูก การเวกมีวิธีการปลูกโดยการนำต้นกล้าที่ได้จากการเพาะเมล็ด หรือกิ่งที่ได้จากการตอนมา ปลูกลงดิน แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะนิยมใช้กิ่งตอนมากกว่าการเพาะเมล็ด เพราะจะทำให้ไม่เสียเวลา การตอนกิ่งควรที่จะทำในช่วงฤดูฝน เมื่อกิ่งตอนงอกรากพอสมควร แล้วจึงตัดมาปลูก การดูแลรักษา แสง       การเวกเป็นไม้กลางแจ้งมีความต้องการแสงมากพอสมควร เหมาะที่จะปลูกริมรั้วบ้าน สวน              ภายในบ้าน หรือสวนสาธาณะ เป็นต้น น้ำ          ควรให้น้ำปานกลาง หากเป็นในระยะแรกปลูกให้รดน้ำวันละ

Read More »

กระเทียมเถา

ชื่อวิทยาศาสร์     Pachyptera hymenaea., A. Gentry.ตระกูล                BIGNONIACEAE ชื่อสามัญ            Garlic Vine. ลักษณะทั่วไป ต้น    กระเทียมเถาเป็นไม้เถาเลื้อยเนื้อแข็ง ขนาดกลาง มีลำต้นเป็นเถาใหญ่ แข็งแรง สามารถเลื้อยไป           ได้ไกลมากกว่า 10 เมตร เถาอ่อนและส่วนยอดจะเป็นสีเขียว ส่วนเถาแก่จะเป็นสีน้ำตาล ผิวเรียบเกี้ยง ใบ      มีใบประเภทใบประกอบ มีใบย่อย 1 คู่ ออกตรงข้ามกันตามข้อต้น เป็นไม้ใบบางแต่แข็งกระด้าง รูป           ใบรีหรือมน หรือใบรูปไข่ขอบใบเรียบปลายใบและโคนใบแหลมก้านใบสั้นมีมือเกาะอยู่ระหว่างใบ           ย่อยแต่ละคู่ในขณะที่ใบยังอ่อน ใบจะมีกลิ่นคล้ายกับกลิ่นกระเทียม ดอก    ออกดอกเป็นช่อตามข้อต้น หรือตามโคนกาบใบ ช่อหนึ่งจะมีประมาณ 10-20 ดอก ดอกสีม่วงอ่อน ตรง           ปากดอกหรือกลางดอกสีค่อนข้างขาวมีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ โคนกลีบเชื่อมติดกันเล็กน้อย ลักษณะดอก           จะเป็นรูปกรวยปากบาน หรือรูปแตร มีกลีบดอกแยกออกเป็น 5 กลีบ เมื่อดอกบานใหม่ ๆ จะเป็นสี           ขาว แล้วจะกลายเป็นสีชมพูและสีม่วง เมื่อแก่จัด มีเกสรตัวผู้ภายในดอก 4

Read More »

พวงแสด

ชื่อวิทยาศาสร์       Pyrostegia venusta., Miers. ตระกูล                  BIGNONIACEAE ชื่อสามัญ               ฺOrange Trumpet, Flame Flower. ลักษณะทั่วไป ต้น      พวงแสดเป็นพันธุ์ไม้เถาเลื้อยที่มีขนาดใหญ่พอสมควร เป็นไม้ที่มีใบกลายเป็นมือสำหรับยึดเกาะ                  และสามารถเลื้อยเกาะไปได้ไกลมากกว่า 40 ฟุต เถาอ่อนจะเป็นสีเขียว และเมื่อแก่ก็จะกลายเป็น                  สีน้ำตาล  ใบ        ลักษณะใบของพวงแสดจะเป็นใบประกอบ มี 3 ใบย่อย แต่จะมีบางใบที่เป็นคู่โดยใบย่อยที่สามที่                  อยู่ตรงกลางจะเปลี่ยนจากใบไปเป็นมือเกาะใบจะออกสลับกัน ใบมีสีเขียวเข้ม ก้านใบสั้นเกือบชิด                  กิ่งใบเป็นรูปไข่ปลายใบแหลม โคนใบมน ขอบใบเรียบไม่มีจัก ใบมีความกว้างประมาณ 2 เซนติ                  เมตร และยาวประมาณ 5-8 เซนติเมตร  ดอก      พวงแสดจะออกดอกเป็นช่อตามซอกใบ และตามปลายกิ่งส่วนยอดดอกจะดกมากจนดูแน่นช่อมีกลีบ                  รองดอกเป็นรูปถ้วย หรือรูปกระดิ่งหงายดอกเป็นรูปทรงกรวย เรียวยาว ปลายดอกจะบานออกเป็น                   4 กลีบ เมื่อดอกบานเต็มที่กลีบดอกจะงอโค้งลงข้างล่าง ดอกจะยาวประมาณ 5-6 เซนติเมตร ภายใน                  ดอกมีเกสรตัวผู้ 4 อัน สั้นยาวไม่เท่ากัน คือจะสั้น 2 อันและยาวอีก

Read More »

ข้าวสารดอกเล็ก

ชื่อวิทยาศาสร์          Raphistemma heoperianum Decne.ตระกูล                      ASCLEPIAPACEAE ชื่อสามัญ                          –   ลักษณะทั่วไป ต้น      ข้าวสารดอกเล็กเป็นพันธุ์ไม้เลื้อยล้มลุก ลำต้นหรือเถามีความสูงผิวของลำต้นหรือเถาจะเกลี้ยง             เรียบ และหากลำต้นได้รับบาดแผลก็จะมียางสีขาวไหลออกมา ใบ        ลักษณะใบจะออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน ใบเป็นรูปไข่ หรือรูปไข่แกน ขอบขนาน ตรงปลายใบจะแหลม             เป็นหางยาว ขอบใบเรียบ โคนใบเว้าทั้งสองข้าง และจะห้อยเป็นรูปติ่ง ใบมีความกว้างประมาณ 10             เซนติเมตร และมีความยาวโดยประมาณ 15 เซนติเมตร เนื้อใบจะบาง ด้านบนที่ตรงเส้นกลางใบจะ             มีขนสั้น ๆ และจะออกเป็นกระจุก ก้านใบเล็กและเรียว ยาวประมาณ 7 เซนติเมตร ดอก     จะออกดอกเป็นช่อตามง่ามใบ ดอกมีขนาดเล็ก มีกลิ่นหอม ก้านช่อดอกมีความยาวประมาณ 5 เซนติ             เมตร และมีก้านดอกยาวประมาณ 3 เซนติเมตร กลีบดอกจะเป็นรูปไข ปลายมน กลีบดอกยาวประมาณ             4 มิลลิเมตร ตรงบริเวณโคนกลีบดอกจะเชื่อมติดกัน และหนึ่งดอกจะมีกลีบดอกอยู่ 5 กลีบ กลีบดอกมี             สีขาว

Read More »

ข้าวสารดอกใหญ่

ชื่อวิทยาศาสร์          Raphistemma pulchellum (Roxb.) Wall. ตระกูล                      ASCLEPIAPACEAE ชื่อสามัญ ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น      จะมีขนาดเล็กและมีผิวเกลี้ยง และหากลำต้นหรือเถาได้รับบาดแผล ก็จะมียางสีขาวไหลออกมา ใบ      ใบจะออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน ใบคล้ายรูปไข่หรือรูปหัวใจ ปลายใบจะแหลมเป็นหางยาว ขอบใบเรียบ           โคนใบเว้า ใบกว้างโดยประมาณ 10-15 เซนติเมตร และยาวโดยประมาณ 15-20 เซนติเมตร เนื้อใน           บางบริเวณด้านบนตรงกลางใบจะมีขนขึ้นเป็นกระจุก ก้านใบเล็กและเรียว มีความยาวโดยประมาณ           8-12 เซนติเมตร ดอก    มีดอกสีขาวขนาดใหญ่ ถ้าดอกบานเต็มที่จะมึความกว้างประมาณ 4 เซนติเมตร ออกดอกเป็นช่อตาม           ง่ามใบ ช่อหนึ่ง ๆ จะมีดอกประมาณ 4-10 ดอก และมีก้านช่อดอกยาวประมาณ 6-10 เซนติเมตร ก้าน           ดอกจะมีขนาดเล็กมาก ยาวประมาณ 5 เซนติเมตร มีกลีบรองกลีบดอก 5 กลีบ ลักษณะคล้ายรูปไข่           หรือรูปขนาน ตรงปลายจะกลม ขอบกลีบบาง ตรงโคนจะเชื่อมติดกัน

Read More »

ขจร

ชื่อวิทยาศาสร์        Telosma minor., Craib. ตระกูล                    ASCLEPIAPACEAE ชื่อสามัญ                Cowslip creeper. ลักษณะทั่วไป ต้น        ขจรเป็นไม้เลื้อยยืนต้น เนื้อแข็ง จะขึ้นพาดพันไปตามต้นไม้ใหญ่ได้ไกล ๆ ต้นหรือเถาของขจรมี              ขนาดเล็ก แต่จะมีความเหนียวมาก ซึ่งสามารถใช้เถาขจรแทนเชือกได้ เถาขจรจะเป็นสีเขียวเถา              แก่ก็จะเป็นสีน้ำตาลเถากลมเรียม ใบ          ขจรมักจะแตกใบเป็นพุ่มแน่นและทึบ จนในบางครั้ง พุ่มใบจะแผ่ปกคลุมต้นไม้อื่นได้มิดเลยทีเดียว              ใบขจรจะเป็นสีเขียวอ่อน ใบบาง ก้านใบยาว ใบรูปใบโพธิ์ หรือรูปหัวใจ หรือคล้ายใบพลูขอบใบจะ              เรียบ เกลี้ยงไม่มีจักจะเห็นเส้นใบชัด หน้าใบเป็นคลื่นเล็กน้อย ปลายใบแหลมเป็นติ่ง ดอก       ขจรเป็นไม้ดอกที่มีกลิ่นหอม ออกดอกเป็นช่อสั้น ๆ ห้อยเป็นกระจุกคล้ายพวงอุบะตามโคนก้านใบ               ช่อดอกหนึ่ง ๆ จะมีดอกประมาณ 10-20 ดอก ดอกจะมีสีเขียวอมเหลือง หรือสีเหลือง กลีบดอกหนา               เนื้อกลีบดอกจะมีลักษณะหยุ่น ๆ เมื่อดอกบานกลีบดอกมีลักษณะเหมือนดาว 5 แฉก ฤดูกาลออกดอก ขจรจะออกดอกมากในช่วง ฤดูฝน การปลูก ขจรเป็นไม้กลางแจ้ง มีวิธีการปลูกโดยการนำกิ่งที่ได้จากการปักชำ

Read More »

คัดเค้า

ชื่อวิทยาศาสร์            Randia siamensis Craib. ตระกูล                       RUBIACEAE ชื่อสามัญ                     –    ลักษณะทั่วไป ต้น            คัดเค้าเป็นพันธุ์ไม้พุ่มกึ่งเลื้อย มีลำต้นเป็นเถาที่มีความแข็งแรงเป็นพันธุ์ไม้จำพวกเดียวกันกับ                  ตรุษจีน และเฟื่องฟ้า จะขึ้นพาดพันไปตามกิ่งไม้และต้นไม้อื่น หรือรั้วหลักที่อยู่ใกล้ ๆ ตามกิ่งก้าน                  และลำต้นจะมีหนามที่แหลมคมออกเป็นคู่ ๆ ลำต้นมีสีเขียว ใบ             ใบมีสีเขียวสดเป็นมัน ใบมีลักษณะยาว คล้ายกับใบมะม่วง มีแกนกลางใบอย่างเห็นได้ชัด ใบค่อน                  ข้างแข็งและหนา ดอก           มีดอกขนาดเล็ก สีขาว ดอกจะออกเป็นกระจุกอยู่บนก้านเดียวกัน หนึ่งดอกจะมี 5 กลีบ มีเสรสีเหลือง                  อ่อนติดอยู่ระหว่างกลีบดอก และเมื่อดอกร่วงก็จะติดผลสีดำ ลักษณะดอกจะคล้ายกับดอกส้ม หรือดอก                   มะนาว และจะมีกลิ่นหอม ฤดูกาลออกดอก คัดเค้าเป็นไม้ที่ให้ดอกตลอดปี และจะให้ดอกดกมากในช่วงฤดูฝน การปลุก คัดเค้ามีวิธีการปลูก โดยการนำต้นกล้าที่ได้จากการเพาะเมล็ดมาปลูกลงดิน โดยให้ขุดหลุมกว้างลึกประมาณ1×1 ฟุต แล้ววางต้นกล้าพร้อมกับดินที่ติดมากับต้นกล้าทั้งหมดลงหลุมปลูก แล้วกลบดินปากหลุมให้แน่น รดน้ำพอชุ่มประมาณ 1 สัปดาห์ ต้นกล้าก็จะอยู่ตัว

Read More »

คอนสวรรค์

ชื่อวิทยาศาสร์     Ipomoea quamoclit. Linn. ตระกูล                CONVOLVULACEAE ชื่อสามัญ             Indian Pink.    ลักษณะทั่วไป ต้น           คอนสวรรค์เป็นไม้เถาล้มลุก มีอายุประมาณ 1 ปี เมื่อให้ดอกแล้วก็จะแห้งตายไป ลำต้นหรือเถาจะ                 เลื้อยพันกันแน่น และจะต้องมีหลักหรือซุ้ม เพื่อให้เถาคอนสวรรค์เลื้อยพันขึ้นได้ ลำต้นหรือเถาจะ                 มีขนาดเล็กและเรียว ผิวของลำต้นจะเกลี้ยง ใบ             คอนสวรรค์มีใบเป็นรูปไข่ หรือรูปขอบขนาน ขอบใบเป็นจักแฉกลึกแบบขนตก จะมีแฉกข้างละ                 ประมาณ 10-19 แฉก แฉกจะอยู่ตรงข้ามกันหรือสลับกัน ส่วนก้านใบจะสั้น โดยมีความยาวประมาณ                 4 มิลลิเมตร ดอก          ออกดอกเป็นช่อตามง่ามใบ ช่อหนึ่งมีดอกประมาณ 4-6 ดอก มีก้านช่อดอกยาวประมาณ 10-14 เซน                 ติเมตร และมีก้านดอกสั้น ซึ่งยาวประมาณ 20 มิลลิเมตร มีกลีบรองกลีบดอกเป็นรูปขอบขนานกัน                 หรือเป็นรูปช้อนแกมขอบขนาน ตรงปลายมน ส่วนกลีบดอกจะเชื่อมติดกันเป็นทรงแจกัน และมี                  ความยาวประมาณ 3 เซนติเมตร ปลายกลีบดอกจะแยกออกเป็นแฉกแหลมมี 5 แฉก

Read More »

ชะลูดช้าง

ชื่อวิทยาศาสร์         Stephanotis floribunda jasmine. ตระกูล                   ASCLEPIADACEAE ชื่อสามัญ                Creeping Tuberose, Madagascar                                Jasmine, Wax Flower.   ลักษณะทั่วไป ต้น            ชะลูดช้างเป็นไม้เถาเลื้อย เถามีขนาดเล็กสีขาว กลม และทุกส่วนของชะลูดช้างจะมียางสีขาว ใบ             เป็นไม้ใบเดี่ยว ใบออกเป็นคู่ตรงข้ามกันตามข้อของลำต้นหรือเถาใบเป็นรูปรี หรือรูปไข่                  ปลายใบเรียวแหลม แผ่นใบกว้างและหนาเป็นมันคล้ายแผ่นหนัง โคนใบมนหรือเว้าเล็ก                  น้อย ขอบใบเรีบยกขึ้นทางด้านบนทำให้ใบมีลักษณะเป็นราง ใบกว้างประมาณ 3 เซนติ                  เมตร และยาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร ดอก           ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบ ดอกมีลักษณะเป็นหลอด ปลายดอกแยกออกเป็น 5 กลีบ กลีบ                  ดอกมีสีขาวสะอาดเช่นเดียวกับดอกมะละ และมีกลิ่นหอมจัด กลีบดอกหนา เนื้อดอกละเอียด                  ภายในดอกมีเกสรตัวผู้ติดอยู่ 5 อัน ตรงบริเวณโคนหลอดดอก มีอับเรณูเป็นแผ่นเหนียว ฤดูกาลออกดอก ชะลูดช้างจะออกดอกตลอดปี และจะให้ดอกดกมาก ในช่วงเดือนสิงหาคมถึงเดือนตุลาคม การปลุก มักมีการปลูกชะลูดช้างเป็นไม้ประดับใส่กระถาง โดยการตัดแต่งทรงพุ่มให้เป็นไปตามโครงร่างที่ต้องการหรืออาจปลูกลงในดินที่มีส่วนผสมของใบไม้ผุและดินที่มีการระบายน้ำได้ดี ก็จะทำให้ชะลูดช้างเจริญงอกงามได้ดี

Read More »

ชำมะนาด

ชื่อวิทยาศาสร์          Vallaris solanacea Kize. ตระกูล                   APOCYNACEAE ชื่อสามัญ                ฺBread Flower.   ลักษณะทั่วไป ต้น            ชำมะนาดป่าเป็นพรรณไม้พุ่มกึ่งเลื้อย ลำต้นมีความสูงโดยประมาณ 7 เมตรเศษ ๆ                  และมีน้ำยางสีขาว ลำต้นจะเป็นสีเขียวคล้ำ ใบ              เป็นไม้ใบเดี่ยว ใบจะมีการเรียงตัวกันเป็นคู่ออกตรงข้ามกัน ใบมีลักษณะเป็นรูปรี                  หรือรูปขอบขนาน ปลายใบแหลมเป็นติ่ง ส่วนโคนใบก็แหลมเช่นกัน ใบจะมีความ                  กว้างประมาณ 4 เซนติเตร และยาวประมาณ 14 เซนติเมตร เนื้อใบบางและมีเส้น                  ใบประมาณ 10-12 คู่ ก้านใบยาว ดอก           ออกดอกที่ปลายกิ่ง ลักษณะเป็นช่อพวง หรือในบางครั้งดอกก็อาจจะออกตามง่ามใบ                  ด้วย ดอกจะเป็นสีขาวมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ภายในดอกหนึ่ง ๆ จะมีเกสรตัวผู้อยู่ประมาณ                  5 อัน ที่ก้านเกสรจะมีขน ส่วนเกสรตัวเมีย จะมีอยู่ 2 ช่องติดกัน และท่อเกสรตัวเมีย                  ก็จะมีขนด้วย ฤดูกาลออกดอก จะออกดอกตลอดปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว การปลุก ชำมะนาดมีวิธีการปลูกโดยการนำต้นกล้าที่ได้จากการเพาะเมล็ด

Read More »