สอบถามเพิ่มเติมที่ 0xx-xxx-xxxx

ดองดึง

ชื่อวิทยาศาสร์          Gloriosa superba. ตระกูล                     LILIACEAE ชื่อสามัญ                 ฺGloriosa, Glory, Climbing lily. ลักษณะทั่วไป ต้น             ดองดึงเป็นพรรณไม้ที่มีหัวอยู่ใต้ดิน และมีลำต้นหรือเถาเลื้อยเกาะต้นไม้อื่นที่อยู่ใกล้ ๆ                  และสามารถเลื้อยเกาะต้นไม้อื่นได้สูงประมาณ 3 เมตร ส่วนหัวที่อยู่ใต้ดินมีลักษณะเด่น                  อย่างหนึ่งคือ บริเวณส่วนปลายของหัวจะมีจุดเจรญสำหรับต้นใหม่ ฉะนั้นจึงต้องระมัดระวัง                  อย่าให้ปลายของหัวหรือเหง้าหัก เพราะจะทำให้ต้นเสียหายและจะไม่งอกต่อไปได้ ใบ             ลักษณะของใบคล้ายรูปหสก ตรงปลายใบจะมีขอเกาะหรือหนวดสำหรับเกี่ยวพันกับต้นไม้                  อื่น ตัวใบมีสีเขียวเข้ม เป็นมัน ขอบใบไม่มีจัก ใบเรียบ ดอก           ลักษณะของดอกจะเป็นดอกเดี่ยว กลีบดอกจะแยกออกจากกันขอบของกลีบดอกบิดเป็น                 เกลียว มีเกสรแยกออกจากโคนกลีบดอกด้านนอกดอกหนึ่งจะมีเกสรประมาณ 6-7 อัน สี                 ของดอกจะมี 2 สี คือสีเหลืองและสีแดงสดปริมาณสีทั้งสองของดอกจะเปลี่ยนแปลงไปตาม                 อายุของการบานของแต่ละดอก ยิ่งดอกบานนานก็ยิ่งมีสีแดงมากขึ้นกว่าดอกตูมหรือดอกที่                 เพิ่งบาน ฤดูกาลออกดอก  จะออกดอกตลอดปี โดยเฉพาะในช่วงฤดฝนจะให้ดอกดกมาก การปลุก ดองดึงมีวิธีการปลูกโดยการนำเอาเหง้าหรือหัว มาปลูกลงดิน โดยขุดหลุมปลูกกว้างลึกประมาณ6 x 6 นิ้ว แล้วผสมดินปลูกกับปุ๋ยหมักใส่ก้นหลุม จึงนำหัวหรือเหง้าดองดึงลงวาง แล้วกลบดินพอมิด รดน้ำให้ชุ่ม

Read More »

ถ้วยทอง

ชื่อวิทยาศาสร์     Solandra grandiflona Swartz.. ตระกูล                 SOLANACEAE ชื่อสามัญ               – ลักษณะทั่วไป ต้น            เป็นไม้เถาที่มีขนาดใหญ่ เถาหรือลำต้น มีสีเขียวเข้ม และเมื่อเถาแก่ก็จะเป็นสีน้ำตาล เถา                  เกลี้ยง ไม่มีขน ใบ              เป็นไม้ใบเดี่ยว จะแตกใบบริเวณปลายกิ่ง ใบถี่ ใบเป็นรูปรีหรือรูปแกมขอบขนาน ปลายใบ                  แหลมโคนใบสอบเว้าหาก้านใบ ใบมีสีเขียวเข้ม ก้านใบกลมสีเขียว ค่อนข้างยาวและแข็ง ดอก           เป็นไม้ดอกเดี่ยว ออกดอกตามซอกใบและบริเวณปลายกิ่งลักาณะของดอกเป็นรูปทรงกรวย                  ที่มีขนาดใหญ่ บริเวณปากกรวยจะคอดและปลายดอกจะแยกออกเป็น 5 กลีบ หรือ 5 แฉก                  ดอกสีเหลืองและภายในดอกจะเป็นแถบสีม่วงแดงเป็นเส้น ๆ ตามยาว ประมาณ 10 เส้น มี                  กลีบเลี้ยงเชื่อมติดกันเป็นหลอดที่โคนดอก ดอกด้วยทองจะมีกลิ่นหอมจัดในตอนเย็น ฤดูกาลออกดอก จะออกดอกในช่วงเดีอนตุลาคม – มกราคม การปลูก ควรปลูกถ้วยทองบริเวณริมรั้ว เพื่อให้เถาถ้วยทองสามารถใช้รั้วเป็นหลักยึดเกาะ เพื่อการทรงตัวของลำต้น หรืออาจจะปลูกทำเป็นซุ้มประตูโดยใช้โครงเหล็กดัดหรือโครงไม้ก็ได้ การปลูกส่วนใหญ่มักจะนิยมนำกิ่งที่ได้จากการปักชำมาปลูกมากกว่าการเพาะเมล็ด ให้ปลูกลงดินโดยขุดหลุมปลูกให้มีความกว้างลึกประมาณ 1 x 1 หรือ 1

Read More »

เถาไฟ

ชื่อวิทยาศาสร์        Bauhinia integrifolia. Roxb. ตระกูล                   LEGUMINOSAE ชื่อสามัญ                – ลักษณะทั่วไป ต้น           เป็นไม้เถาที่มีขนาดใหญ่ เถามีสีน้ำตาล บริเวณเถาอ่อนจะมีขนสีน้ำตาลขึ้นปกคลุมโดยทั่วไป                 และมีมือเกาะยื่นออกมาสำหรับเกาะพันไปตามหลัก หรือต้นไม้อื่น ใบ             เป็นไม้ใบเดี่ยว ใบออกเรียงสลับกันไปตามเถา ใบเป็นรูปไข่ ใบกว้างและค่อนข้างกลม โคนใบ                 จะมนเว้าเข้าหาก้านใบกล้ายรูปหัวใจ ส่วนปลายใบเว้าเป็น 2 แฉก ๆ ลึกบ้าง ตื้นบ้าง ลักษณะของ                  แฉกจะแหลมหรือบ้างก็อาจจะกลม ใบสีเขียวเข้ม ก้านใบยาว ดอก          ดอกเมื่อแรกออกจะเป็นสีเหลือง แล้วจะค่อย ๆ เปลี่ยนไปเป็นสีส้มแดงหรือสีแดง ดอกมีขนาดเล็ก                  ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบ และบริเวณปลายกิ่ง ดอกเมื่อยังตูมอยู่จะมีลักษณะกลม ปลายแหลม                  มีกลีบเลี้ยง 3 กลีบ กลีบดอก 5 กลีบ กลีบดอกมีลักษณะเป็นรูปไข่กลับ ภายในดอกมีเกสรตัวผู้ 5 อัน                  และในจำนวนเกสรตัวผู้ 5 อันนี้ จะมีเกสรตัวผู้ที่ฝ่อหรือไม่สมบูรณ์ 2 อัน เกสรมีขนาดเล็ก ฤดูกาลออกดอก จะออกดอกในฤดูหนาว การปลูก

Read More »

นมตำเลีย

ชื่อวิทยาศาสร์         Hoya parasitica. ตระกูล                    ASCLEPIDACEAE ชื่อสามัญ                 Wax Plant.– ลักษณะทั่วไป ต้น            นมตำเลียเป็นไม้เถาเลื้อย จำพวกกาฝาก ซึ่งเถาหรือลำต้น จะต้องอาศัยเกาะกับต้นไม้ใหญ ่เพื่อ                 การทรงตัว เถามีขนาดเล็ก ส่วนของลำต้นหรือเถาหากได้รับบาดแผลก็จะมียางสีขาวไหลออกมา ใบ             เป็นไม้ใบเดี่ยว ออกเป็นคู่ตามข้อต้น เนื้อใบหนาและมัน ใบสีเขียวเข้ม ปลายใบแหลม โคนใบ                  มนเว้าเป็นรูปหัวใจ ขอบใบม้วนลง ใบกว้างประมาณ 2 นิ้ว ก้านใบใหญ่และหนา ดอก           ออกดอกเป็นช่อ เช่นเดียวกับดอกเข็ม ปลายดอกจะแยกออกเป็น 5 แฉก หรือ 5 กลีบ สีขาวที่ปาก                  ดอกทับซ้อนกันด้วยสีเหลืองเป็นรูปดาวดวงเล็กและทีบด้วยวงสีแดง ตรงกลางอีกชั้นหนึ่งเป็นดอก                  ไม้ที่มองดูแล้ว เหมือนกับดอกไม้ที่สร้างขึ้นจากเทียนหรือขี้ผึ้ง ดอกมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ฤดูกาลออกดอก จะออกดอกในฤดูหนาว ช่วงเดือนธันวาคม – กุมภาพันธุ์ การปลุก นมตำเลียเป็นไม้ในร่ม ปลูกง่าย จะปลูกใส่กระถางแขวนแล้วปล่อยให้เลื้อยห้อยระย้าลงมาก็ดูสวยดีหรือจะปลูกให้เลื้อยเกาะขึ้นกับขอบไม้ หรือต้นไม้อื่นก็ได้ การดูแลรักษา แสง            นมตำเลียเป็นไม้ในร่มต้องการแสงรำไร

Read More »

โนราโนราโนรา

ชื่อวิทยาศาสร์        Hiptage beghalensis. (Linn) Kurz. ตระกูล                   MALPIGHIACEAE ชื่อสามัญ                    – ลักษณะทั่วไป ต้น        โนรา เป็นไม้เลื้อยเถาใหญ่มีเนื้อแข็ง และสามารถเลื้อยไปได้ไกลและรวดเร็วด้วย แต่ถ้าปลูก                โนราไว้กลางแจ้งก็อาจจะกลายเป็นไม้พุ่มได้หรือ ก็จะขดเป็นพุ่มเถาโนามีสีเขียว กลมและเกลี้ยง ใบ        เป็นไม้ใบเดี่ยว ใบจะออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน ใบสีเขียวเข้มลักษณะใบเป็นรูปขอบขนาน รูปไข่หรือ                รูปไข่กลับ ปลายใบเรียวแหลม โคนใบมนและมีต่อมนูนอยู่ 2 ต่อม ใบอ่อนจะเป็นสีเทา ใบมีความ                กว้างประมาณ 10 เซนติเมตร และยาวประมาณ 18 เซนติเมตรดอก        ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบและปลายกิ่ง ช่อดอกยาวประมาณ 15 เซนติเมตร และจะมีขน ดอกมีสี                 ขาว หรือสีขาวอมชมพูเรื่อ ๆ มีกลิ่นหอมคล้ายดอกส้มโอ ดอกจะบานอยู่ได้ประมาณ 3-4 วัน ก็จะร่วง                 และจะมีดอกใหม่ทะยอยบายอยู่เรื่อย ๆ ดอกจะมีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ กลีบหนึ่งมีต่อมนูน มีกลีบดอก 5                 กลีบ และแต่ละกลีบจะมีขนาดไม่เท่ากัน มีกลีบใหญ่อยู่ในสุดและจะมีสีเลืองแต้ม กลีบดอกมักจะยู่ยี่                

Read More »

บานบุรีเหลือง

ชื่อวิทยาศาสร์       Allamanda cathartica. Linn. ตระกูล                APOCYNACEAE ชื่อสามัญ             Golden trumpet , Allamanda. ลักษณะทั่วไป ต้น      บานบุรีเหลืองเป็นไม้เลื้อยที่มีการผลัดใบโดยธรรมชาติ ต้นของบานบุรีจะเลื้อยพาดไปตามรั้ว หลัก หรือต้นไม้อื่น               หากไม่มีการตัดแต่งทรงพุ่ม เถาบานบุรีเมื่อแก่จะเป็นสีน้ำตาล ส่วนบริเวณยอดเถาจะเป็นสีเขียว และจะมี               ยางสีขาวขุ่นอยู่ในทุกส่วนของต้นบานบุรี ไม่ว่าจะเป็นส่วนของเถา หรือส่วนของใบก็ตาม  ใบ       ใบจะแตกออกบริเวณข้อของลำต้นหรือขอของเพา ข้อหนึ่ง ๆ จะมีใบออกประมาณ 3-6 ใบ และใบจะออก               ตรงข้ามกัน ตัวใบสีเขียวเข้ม ผิวใบมัน ปลายใบแหลม ก้านใบสั้นดอก     บานบุรีเหลืองจะออกดอกตรงส่วนยอด ดอกเป็นรูปแตร มีก้านดอกสั้นและจะมีกลีบเลี้ยงเป็นริ้วสีเขียวติดอยู่โคน               ดอก ดอกจะเป็นสีเหลืองมีกลีบดอก 5 กลีบ ฤดูกาลออกดอก        ออกดอกตลอดปี การปลุก บานบุรีเหลืองมีวิธีการปลูกโดยการปักชำกิ่ง โดยมีวิธีการและขั้นตอนดังนี้คือ ให้ตัดกิ่งบานบุรีบริเวณใต้ข้อประมาณ 2 เซนติเมตร และให้กิ่งปักชำมีความยาวประมาณ 1 ฟุต แล้วปักในกะบะทรายหรือถุงปักชำ รดน้ำพอชุ่มวางไว้ในที่ร่มหรือวางไว้ภายในเรือนเพาะชำประมาณ 3 สัปดาห์ ก็จะมีรากงอกออกมาแล้วจึงนำไปปลูกในหลุมปลูก

Read More »

บานบุรีสีม่วง

ชื่อวิทยาศาสร์      Allamanda 1violacea                               Gard. & Field. ตระกูล                  APOCYNACEAE ชื่อสามัญ              ฺPurple Allamanda ลักษณะทั่วไป ต้น    บานบุรีม่วงหรือบานบุรีสีม่วงเป็นไม้เถากึ่งต้นกึ่งเลื้อยหรืไม้รอเลี้ยเถาหรือลำต้นมีขนาด           เล็กแข็งและเหนียวทุกส่วนของเถาหรือลำต้นจะมียางสีขาวเถาของบานบุรีสีม่วงเลื้อยไปได้          ไม่ไกลอย่างบานบุรีเหลือง บานบุรีม่วงจะเลื้อยไปได้ไกลประมาณ 10 ฟุต เท่านั้นเอง ใบ     เป็นไม้ใบเดี่ยว ออกใบเป็นกลุ่ม ๆ ละ 3-4 ใบ ตามข้อต้น ใบสีเขียวแต่ไม่ถึงกับเขียวเข้ม          รูปใบรีหรือรูปขอบขนาน ปลายใบและโคนใบแหลมก้านใบสั้น ขอบใบเรียบเกลี้ยงเนื้อใบอ่อน           และจะปกคลุมไปด้วยขนแจ็งที่ละเอียด เมื่อจับดูแล้วจะรู้สึกระคายมือ ใบก้างประมาณ 2.5           เซนติเมตร และยาวประมาณ 10 เซนติเมตร ดอก   ออกดอกเป็นช่อสั้น ๆ ตามซอกใบและปลายกิ่ง หรือตามข้อต้น ช่อละ 5-6 ดอก ดอก           มีรูปทรง กรวยปลายดอกบานออกเป็น 5 กลีบ กลีบภายในดอกมีเกสรตัวผู้ 5 อัน ดอก           มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ฤดูกาลออกดอก บานบุรีมักจะให้ดอกได้ตลอดทั้งปีแต่จะให้ดอกดกในช่วงระหว่างเดือนมิถูนายน – สิงหาคม

Read More »

ใบละบาท

ชื่อสามัญ Elephant Creeper Silver ชื่อวิทยาศาสตร์ Argyreia nervosa. ตระกูล AONVOLVULACEAE ลักษณะทั่วไป ใบละบาทเป็นพรรณไม้ยืนต้นประเภทเถาเลื้อยลำต้นมีความยาวประมาณ1015เมตรชอบเลื้อยไปตามกิ่งไม้หรือต้นไม้ใหญ่เลื้อยไปได้ไกลแตกกิ่งก้านและใบคลุมแน่นทึบลำต้นสีเขียวมีขนอ่อนๆสีขาคลุมทั่วต้นลำต้นอวบน้ำใบเป็นใบเดี่ยวแตกออกสลับกันเป็น คู่จากข้อของลำต้นใบใหญ่ลักษณะรูปใบโพธิ์สีเขียวสดใต้ใบจะมีขนอ่อนสีขาวเคลือบอยู่ทั่วใต้ใบขนาดกว้างประมาณ812เซนติเมตร ยาวประมาณ 12-18 เซนติเมตร ดอกออกเป็นช่อออกตามส่วนยอด ช่อหนึ่งจะมีดอกอยู่ประมาณ 3-5 ดอก ปลายดอกแยกออกเป็น 5 แฉก ดอกมีสีชมพู ตรงกลางดอกเป็นหลอดสีม่วงลักษณะดอกคล้ายดอกผักบุ้ง การเป็นมงคล คนไทยโบราณเชื่อว่าบ้านใดปลูกต้นใบละบาทไว้ประจำบ้านจะทำให้เกิดความร่ำรวยด้วยเงินตราเพราะถ้าหากผู้ใดปลูกต้นละบาท สามารถมีใบที่สวยงามและมีจำนวนใบมากขึ้นจะทำให้มีเงินเพิ่มมากขึ้นด้วยเนื่องจากการแตกใบ1ใบก็มีค่าเท่ากับ1บาทดังนั้นถ้าหากแตกใบหลายใบก็จะมีจำนวนเงินเพิ่มขึ้นหลายบาทตามไปด้วย นอกจากนี้ลักษณะใต้ใบก็ยังมีสีคล้ายกับเงินเคลือบอยู่ด้วย ตำแหน่งที่ปลูกและผู้ปลูก พื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัย ควรปลูกต้นใบละบาท ไว้ทางทิศตะวันตก ผู้ปลูกควรปลูกในวันอังคารเพราะ โบราณเชื่อว่า การปลูกไม้เพื่อเอาประโยชน์ทั่วไปทางใบ ให้ปลูกในวันอังคาร การปลูก นิยมปลูกในแปลงปลูกเพื่อประดับบริเวณบ้านและสวนในละบาทเป็นพรรณไม้เลื้อยดังนั้นจึงควรทำร้านหรือซุ้มเพื่อให้ลำต้นเลื้อยขึ้นไปขนาดหลุมปลูก30x30x30เซนติเมตรใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักดินร่วนอัตรา1:2ผสมดินปลูกคนไทยโบราณมักปลูกไว้ริมรั้วบ้าน เพราะสะดวกต่อการเกาะเลื้อย และแผ่ขยายลำต้นไปได้ไกล การดูแลรักษา สง                           ต้องการแสงแดดจัด หรือกลางแจ้ง น้ำ                             ต้องการปริมาณน้ำปานกลาง ควรให้น้ำ 5-7 วัน/ครั้ง ดิน                            ดินร่วนซุย ดินผสมอินทรีย์ ความชื้นปานกลาง ปุ๋ย                            ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 0.5-1 กิโลกรัม/ต้น

Read More »

พวงโกเมน

อวิทยาศาสร์     Mucuna bennettii F. Muell. ตระกูล                LEGUMINOSAE ชื่อสามัญ             Newguinea Creeper, Red Jade Vine. ลักษณะทั่วไป ต้น        พวกโกเมนเป็นไม้เถาเลื้อยขนาดเล็ก เนื้อไม้แข็ง เป็นไม้ที่มีการเจริญเติโตได้เร็วและมีการอายุยืน                  เถาอาจจะเลื้อยไปได้ไกลประมาณ 20-25 เมตร   ใบ         เป็นไม้ใบประกอบออกสลับกัน มีใบย่อย 3 ใบ ใบเป็นรูปไข่ หรือรูปหัวใจ ปลายใบแหลม โคนใบ                 มนเว้าเข้าหาก้านใบ ใบมีสีเขียวเข้มและจะแตกออกเป็นพุ่มแน่น  ดอก      ออกดอกเป็นช่อตามลำต้น หรือซอกใบและปลายกิ่ง ช่อดอกมีขนาดใหญ่เป็นพวงห้อยลง ลักษณะ                 ของดอกจะคล้ายกับดอกแคหรือดอกถั่ว ดอกมีสีแสดหรือสีแดงเพลิง คล้ายกับดอกทองกวาว ดอก                  มีกลีบเลี้ยง 5 กลีบโคนกลีบเชื่อมติดกันเป็นรูปถ้วย ส่วนปลายจะแยกออกเป็น 5 แฉก และมีกลีบดอก                 อีก 5 กลีบ ซึ่งมีขนาดที่ไม่เท่ากัน และจะไม่คลี่บานด้วย กลีบดอกที่อยู่นอกสุดจะมีขนาดใหญ่กว่า                 กลีบอื่น ๆ ภายในดอกมีเกสรตัวผู้อยู่ 10 กัน ฤดูกาลออกดอก  พวงโกเมนจะออกดอกในช่วงฤดูฝน หรือในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน

Read More »

พวงทองเครือ

ชื่อวิทยาศาสร์    Tristellateia australasiae., A. Rich ตระกูล                MALPHIGHIACEAE ชื่อสามัญ            Siam Vine ลักษณะทั่วไป ต้น         พวงทองเครือเป็นพันธุ์ไม้เลื้อย มีต้นหรือเถาขนาดเล็ก สามารถที่จะเลื้อยเกาะพันธุ์สิ่งอื่น ๆ หรือต้น                  ไม้อื่นได้ไกลประมาณ 15 ฟุต ลักษณะของเถาจะเป็นสีน้ำตาล ใบ          ลักษณะของใบพวงทองเครือจะเรียบเกลี้ยง หนาและแข็ง รูปใบมน เกือบเป็นรูปขอบขนาน ปลาย                 ใบมน ใบจะออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน และขะขนานไปตามลำต้น ใบมีขนาดความกว้างประมาณ 5 เซนติเมตร ดอก       พวงทองเครือจะออกดอกเป็นช่อ ห้อยลง ช่อดอกหนึ่ง ๆ จะมีความยาวประมาณ 12 เซนติเมตร ดัว                 ดอกจะมีขนาดเล็ก มีสีเหลือง ดอกหนึ่ง ๆ จะมี 5 กลีบ มีกลิ่นหอมเล็กน้อย ฤดูกาลออกดอก  ออกดอกตลอดปี การปลูก พวงทองเครือมีวิธีการปลูก โดยการนำต้นกล้าที่ได้จากการเพาะเมล็ด หรือกิ่งที่ได้จากการตอนมาปลูก การดูแลรักษา แสง   พวงทองเครือเป็นไม้ที่ปลูกได้ทั้งกลางแจ้ง

Read More »